ชมรมสื่อบ้านนอก มูลนิธิปิดทองหลังพระ ได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา เพื่อดูความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านพระพุทธ ที่เกิดจากการรวมตัวกันของแม่บ้านทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 2 และ 2 ใน ต.เทพา อ.เทพา ที่มีพื้นที่อยู่ติดทะเล ชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนประกอบอาชีพประมง ซึ่งเดิมชาวบ้านที่นี่ได้ผลิตกะปิเพื่อจำหน่ายเดิมอยู่แล้ว แต่ต่างคนต่างทำและทำกันในครัวเรือนไม่ได้ถูกสุขลักษณะมากนัก เนื่องจากไม่มีที่ตากกะปิที่สะอาดเรียบร้อย ต่อมาในปี 2530 ได้เริ่มมีการรวมกลุ่มแม่บ้านมาทากะปิ ลองผิดลองถูกมาจนถึงปี 2545 ได้ขอที่ราชพัสดุ สร้างสถานที่ผลิตกะปิของกลุ่ม โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน กลุ่มมีสมาชิก จำนวน 86 คน ผลิตกะปิคุณภาพจำหน่ายทั่วประเทศ
นางสุนีย์ หัดขะแจ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านพระพุทธ เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ชาวบ้านรู้สึกดีใจที่ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จเป็นการส่วนพระองค์มาที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านพระพุทธ ทรงเข้าครัว ตำน้ำพริกกะปิ ทำแกงเขียวหวาน ผัดสตอกุ้งด้วยพระองค์เอง ซึ่งชาวบ้านต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เพราะเกิดมาเพิ่งเคยได้รับเสด็จเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเป็นครั้งแรก
นางสุนีย์ เล่าอีกว่า การทำกะปิของกลุ่มมีการจ้างสมาชิกในกลุ่มเพื่อมาผลิตและบรรจุ โดยทำได้ 1 ครั้งต่อปี วัตถุดิบมาจากในชุมชนทั้งหมด หมักเอาไว้และขายได้ตลอด ซึ่งปีที่ผ่านมา ผลิตและขายได้ประมาณ 4-5 ตัน ขายในกิโลกรัมละ 120 บาท รวมรายได้ทั้งหมด 4 แสนกว่าบาท คิดเป็นกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายได้ 69,000 บาท โดยจุดจำหน่ายมีขายที่กรุงเทพฯ ห้างเดอะมอลล์ ร้านภูฟ้า สนามบินหาดใหญ่ โอท็อปหาดใหญ่ และงานโอท็อปที่เมืองทองธานี และตอนนี้เพิ่มช่องทางการขายทางไลน์แล้ว
นางสุนีย์ เล่าอีกว่า สมาชิกของกลุ่มแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มที่จ้างรายวัน โดยจ้างในกระบวนการหมัก 100 กิโลกรัม จ้าง 500 บาท/คน จ้างบรรจุกระปุกละ 3 บาท ถ้าทำมากก็ได้มาก ส่วนอีกประเภท คือ การลงขันของชาวบ้าน 86 คน เขาขายหุ้นละ 100 บาทต่อหุ้น แต่ห้ามซื้อเกิน 20 หุ้น หรือ 2,000 บาท ปีนี้สามารถปันผลได้ในราคาหุ้นละ 36 บาท ซึ่งการรวมกลุ่มกันแบบนี้ ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุน อาทิ นักวิชาการมาแนะนำเรื่องความสะอาด ทำให้มีตลาดมากขึ้น ได้มาตรฐาน อย. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนและมาตรฐานฮาลาล
"กะปิที่นี่รสชาติหอมหวาน กลิ่นไม่เหมือนที่อื่น คนกินแล้วจะติดใจและสั่งต่อ การทำกลุ่มนี้ทำให้มีรายได้มากขึ้น ชาวบ้านใช้จ่ายคล่องขึ้น มีกำไรก็แบ่งปันให้โรงเรียน และทำให้ชาวบ้านที่เป็นผู้สูงวัยมีกิจกรรมได้ทำร่วมกันไม่เหงา" นางสุนีย์ กล่าวทิ้งท้าย