KEY
POINTS
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีไทยในการทำงานเพื่อสังคม พระราชกรณียกิจของพระองค์ ได้ทรงก่อตั้งโครงการพัฒนาสตรีในชนบท เพื่อเพิ่มศักยภาพและความมั่นคงในชีวิตของราษฎร
การพัฒนาสตรีในชนบท มุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพและอนุรักษ์ภูมิปัญญา โดยเฉพาะงานศิลปหัตถกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้กับสตรีในชนบท ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
อีกทั้ง ยังทรงส่งเสริมการพัฒนาตนเองและบทบาทในสังคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 สิงหาคม เป็น “วันสตรีไทย”
ทรงจัดตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมอาชีพ เช่น การทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย ปักผ้า และหัตถกรรมพื้นบ้านอื่นๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป
ส่งเสริมอาชีพ : สนับสนุนให้สตรีในชนบทมีรายได้เสริมจากการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทอผ้าไหม, ผ้าฝ้าย, การปักผ้า และงานหัตถกรรมอื่นๆ เพื่อแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของครอบครัว
อนุรักษ์ภูมิปัญญา : ฟื้นฟูและรักษาภูมิปัญญางานหัตถกรรมไทยที่อาจสูญหายไป เช่น ผ้าไหมยกทอง, ผ้าฝ้ายทอมือ, งานจักสาน และงานปักม้ง ให้คงอยู่และสืบทอดต่อไป
ทรงเป็นผู้นำในการแต่งกายด้วยผ้าไทยและส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรงเสด็จเยือนต่างประเทศ ทำให้ผ้าไทยกลายเป็นที่นิยมและสร้างความภาคภูมิใจแก่สตรีไทย
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันสตรีไทย” เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของสตรีไทย
ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำรัสเนื่องในวันสตรีไทย ว่า สตรีไทยมีหน้าที่สำคัญเบื้องต้น 4 ประการ คือ
ประการแรก พึงทำหน้าที่ของ แม่ ให้สมบูรณ์ โดยทำให้ครอบครัวบังเกิดความรักและความอบอุ่น มีความเข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกัน แม่ควรเป็นที่ยึดมั่นของลูก เมื่อเกิดปัญหาก็ช่วยแก้ไขด้วยเมตตา? และสอนให้รู้จักดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสตรีไทยทำเช่นนี้ได้ เด็กไทยก็จะเติบโตเป็นพลเมืองดีและช่วยป้องกันปัญหาร้ายแรงต่างๆ ในสังคมได้
ประการที่สอง พึงทำหน้าที่ของ แม่บ้าน ให้ดี โดยทำให้บ้านมีความน่าอยู่ เป็นที่พักพิงอันอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว ช่วยเก็บออมและเพิ่มพูนทรัพย์สินในครอบครัว รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนรอบข้างตามสมควร
ประการที่สาม พึงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นสตรีไทย ผู้มีความนุ่มนวล อ่อนโยน สุภาพ เมตตา และยิ้มแย้มแจ่มใส รวมทั้งธำรงรักษาศิลปะวัฒนธรรมไทยอันละเอียดประณีตให้เป็นที่ชื่นชมของนานาชาติตลอดไป
ประการที่สี่ พึงฝึกฝนตนเอง ให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น ขยันและอดทน มีความประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย และรักษาความสามัคคีในหมู่คณะไว้ให้มั่นคง
หากสตรีไทยทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ทั้ง ๔ ประการนี้ได้ ก็จะส่งผลให้ครอบครัวไทย สังคมไทย และประเทศชาติมีความสุข ความเจริญนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และสตรีไทยจักเป็นที่ยกย่องชื่นชมของสังคมโลกตลอดไป
ที่มา : สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์