กูรูส่องทองคำปี 69 ปีม้าคึก แบงก์ชาติทั่วโลกตุนทอง ส่อแววแตะ 74,000 บาท

29 ธ.ค. 2568 | 05:30 น.

โบรกชี้ทองคำปี 2569 ส่อแววทะยานต่อ ลุ้นนิวไฮแตะ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หนุนทองไทยพุ่ง 74,000 บาท ชู 3 ปัจจัยบวก ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลง-แบงก์ชาติทั่วโลกตุนทอง-ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จีนและญี่ปุ่น จับตาเทคนิค Bullish Breakout ระยะยาว

KEY

POINTS

  • ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2569 มีแนวโน้มเป็นบวก อาจทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 72,000 - 74,000 บาท
  • ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง, ทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
  • ค่าเงินบาทเป็นตัวแปรสำคัญต่อราคาทองในประเทศ โดยหากเงินบาทอ่อนค่าลงอาจมีโอกาสเห็นราคาพุ่งสูงกว่า 75,000 บาท

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มราคาทองคำปี 2569 ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวก และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง

โดยประเมินกรอบเป้าหมายราคาทองโลกไว้ที่ 4,750 - 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทย ประมาณ 72,000 - 74,000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 32 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ มุมมองเชิงกลยุทธ์ประเมินว่า หากราคาทองคำโลกมีการพักตัวแต่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ ที่ 3,450 ดอลลาร์ จะยังคงเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ โดยมีจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ 2 ระดับ ได้แก่ โซนพักตัวระยะสั้นที่ 4,050 - 3,990 ดอลลาร์ และโซนแนวรับลึกในกรณีปรับฐานแรงกว่าปกติที่ 3,885 - 3,750 ดอลลาร์ โดยมีกรอบรอทำกำไรเป้าหมายใหญ่กรณี Bull Case ที่ 4,750 - 4,900 ดอลลาร์

ส่วนของทองคำไทยยังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก โดยมีโอกาสขยับขึ้นไปถึงช่วง 72,000 - 74,000 บาท แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาไทยขึ้นช้ากว่าทองโลก อย่างไรก็ตาม หากเงินบาทอ่อนค่าในช่วง 33 - 34 บาท ทำให้อาจจะเห็นราคาทองในประเทศมีโอกาสขึ้นเหนือ 75,000 บาทได้ไม่ยาก

ดังนั้น จังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาแถวโซน 61,500 - 60,500 บาท จึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนที่ถือทองไว้ในมือที่ระดับ 64,000 บาท ยังมี Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 7,000 - 10,000 บาท ตามเป้าหมายสูงสุดที่ประเมินไว้ 

สำหรับปัจจัยหนุนสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2569 ประกอบด้วย สัญญาณทางเทคนิคที่เป็นขาขึ้นชัดเจนในกรอบระยะยาวและการเกิด Bullish Breakout หลายครั้ง ทำให้การย่อตัวถูกมองเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง

ขณะเดียวกันทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อย่างต่อเนื่องในปี 2568 - 2569 รวมถึงความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากการแทรกแซง ทางการเมืองและการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับราคาทองคำ

นอกจากนี้ มองว่ายังมีแรงหนุนจากความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และแรงซื้อจากกองทุน ETF ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังร้อนแรงโดยเฉพาะความตึงเครียดในเอเชียระหว่างจีนและญี่ปุ่น