KEY
POINTS
การซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กำลังกลายเป็น 'ช่องทางหลัก' ของตลาด จากความสะดวกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ย้ายจากหน้าร้านสู่มือถือ โดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (แม่ทองสุก) ชี้ว่า ปริมาณธุรกรรมออนไลน์ในภาพรวมสูงกว่าหน้าร้าน 2–3 เท่า และในบางช่วงอาจมากกว่านั้น สะท้อนว่าโลกการซื้อขายทองได้ย้ายเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างจริงจัง
หัวใจสำคัญของ 'ทองออนไลน์' ที่หลายคนสงสัย คือซื้อแล้วมีทองจริงหรือไม่ นพ.กฤชรัตน์ยืนยันว่า เป็นการซื้อทองจริงทั้งหมด เพียงแต่รูปแบบการถือครองเปลี่ยนไป ผู้ซื้อไม่ได้จำเป็นต้องเดินเข้าร้าน เลือกชั่งน้ำหนัก รับใบเสร็จ แล้วหิ้วทองกลับบ้านเหมือนเดิม แต่ 'ถือครองสิทธิในทองคำ' ผ่านบัญชีบนแพลตฟอร์ม และจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะ รับทองจริง หรือ ฝากไว้ในระบบ
กลไกของทองออนไลน์เริ่มจากการที่ลูกค้าเปิดบัญชี/ใช้งานผ่านแอปหรือแพลตฟอร์มซื้อขายทอง ซึ่งในตลาดมีหลายรูปแบบ สิ่งที่ผู้ประกอบการพยายามผลักดันมากขึ้นคือการให้ซื้อขายด้วยหน่วย ดอลลาร์สหรัฐ (USD) บนแพลตฟอร์มที่เป็นมาตรฐาน (ยกตัวอย่างที่มีในบางแอปของธนาคารและแอปด้านทองคำ)
เหตุผลคือ 'หน่วยเงิน' ที่ใช้ซื้อขายสัมพันธ์กับจังหวะการแลกเปลี่ยนเงินตรา หากการซื้อขายเกิดในรูป USD จะทำให้ธุรกรรมจำนวนมาก 'วนอยู่ในกรอบของสกุลเงินดอลลาร์' และ จะมีการแลกบาทก็ต่อเมื่อผู้ลงทุนเลือก ‘แปลงกลับเป็นเงินบาท’
เมื่อผู้ใช้กดซื้อทองบนแอป ระบบจะบันทึกคำสั่งซื้อและปรับสถานะการถือครอง (position) ของลูกค้าในบัญชีทันที จุดนี้ทำให้หลายคนรู้สึกว่า 'เห็นแค่สลิป/ตัวเลข' แต่ฝั่งผู้ประกอบการต้องบริหารหลังบ้านให้มีทองรองรับตามยอดซื้อขายจริง ทั้งในมิติของทองคำแท่ง/ทองคำมาตรฐานตามข้อกำหนดของตลาดที่ให้บริการ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทองออนไลน์คือการย้ายขั้นตอน 'การทำธุรกรรมและการบันทึกการถือครอง' มาอยู่บนระบบดิจิทัล ขณะที่สินทรัพย์อ้างอิง (ทองคำจริง) ต้องถูกบริหารให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อขายที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
หลังซื้อทองออนไลน์ ผู้ลงทุนมีทางเลือกสำคัญ 2 แบบ
อีกจุดที่สะท้อนธรรมชาติของทองออนไลน์ คือพฤติกรรมการซื้อขายที่มักมาเป็นด้าน ในช่วงเวลาหนึ่ง นพ.กฤชรัตน์ยกตัวอย่างว่า เมื่อราคาทองโลกปรับขึ้นแรงในระยะสั้น (เช่นขึ้นราวร้อยดอลลาร์ในไม่กี่วัน) สัดส่วนผู้ขายในระบบอาจเพิ่มขึ้นเป็น 70–90% เพราะผู้ลงทุนต้องการล็อกกำไร ขณะที่ช่วงราคาย่อลงแรงจะกลับด้านเป็นแรงซื้อ
เมื่อแรงขายมาเป็นก้อนในช่วงเวลาเดียวกัน ระบบจึงเกิดการเปลี่ยนสถานะจาก 'ถือทอง' ไปเป็น 'ถือเงิน' มากขึ้น และถ้าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับการแปลงกลับมาเป็นเงินบาทในเวลาเดียวกัน ก็อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกระแสเงิน (flow) ที่สะท้อนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่ นพ.กฤชรัตน์ย้ำว่าเป็น ผลทางอ้อมและเป็นช่วงสั้น ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงตัวเดียวของเงินบาทแข็งค่า
ในมุมของผู้ประกอบการ ทองออนไลน์จำเป็นต้องอยู่บนแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐาน เพราะธุรกรรมเกิดถี่ รวดเร็ว และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก สิ่งที่สำคัญจึงไม่ใช่แค่ 'คุมปริมาณ' แต่คือการออกแบบระบบกำกับดูแลที่ทำให้เห็นภาพธุรกรรมชัดขึ้น เช่น โครงสร้างข้อมูล การรายงานที่ไม่กระทบข้อมูลส่วนบุคคล และการกำกับให้ธุรกรรมอยู่ในกรอบที่โปร่งใส
นพ.กฤชรัตน์ยังยืนยันว่า ผู้ค้าทองรายใหญ่มีระบบ KYC/CDD ตามมาตรฐาน และหลีกเลี่ยงเงินที่ไม่ชัดเจนแหล่งที่มา พร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐในการส่งมอบข้อมูลเพื่อช่วยวิเคราะห์ผลกระทบ แต่ต้องมีการออกแบบขั้นตอนและกรอบเวลาที่ทำได้จริง เพราะข้อมูลฐานลูกค้ามีปริมาณมากและเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล