KEY
POINTS
นายลวรณ แสงสนิท ปลักกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นนั้น รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออก 3 มาตรการเพื่อดูแลสถานการณ์ ได้แก่
โดยกรมสรรพากรจะออกประกาศกำหนดแนวทางให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายทองคำออนไลน์ ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมให้กรมสรรพากรรับทราบ เพื่อให้ภาครัฐเห็นความเคลื่อนไหวของเม็ดเงินและปริมาณการซื้อขายที่แท้จริง
กรมสรรพากรอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเน้นกลุ่มที่เก็งกำไรโดยไม่มีการส่งมอบทองคำจริง (Non-physical delivery)
ธปท. จะออกมาตรการกำกับดูแลปริมาณการทำธุรกรรมที่เหมาะสม เช่น การกำหนดเพดานวงเงินการซื้อขาย (Ceiling) เพื่อป้องปามกลุ่ม "Hot Money" ที่เทรดหมุนเวียนวันละหลายร้อยล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงิน
“มาตรการทั้งหมดจะมุ่งเป้าไปที่การเทรดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เท่านั้น จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนรายย่อยที่ซื้อทองคำตามร้านทองทั่วไปเพื่อการออม หรือการซื้อทองรูปพรรณที่มีการส่งมอบจริง”
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์เงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2568 แข็งค่าขึ้นประมาณ 9.4% ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของภูมิภาค เป็นรองเพียงมาเลเซีย ซึ่งอยู่ที่ 9.5% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือความรวดเร็วของการแข็งค่า เพียงเดือนนี้เดือนเดียว เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 4.2% ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วเกินไป และไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ปัจจัยหลักที่กดดันให้เงินบาทแข็งค่ามาจากธุรกรรมทองคำ เนื่องจากคนไทยมีพฤติกรรมขายทองคำเมื่อราคาทองในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เมื่อมีการขายทองผ่านแอปพลิเคชั่น ร้านทองจะต้องนำทองไปขายในตลาดโลกเพื่อรับเงินดอลลาร์ แล้วนำดอลลาร์มาขายเพื่อซื้อเงินบาทคืนให้ลูกค้า ปริมาณการขายดอลลาร์จากธุรกรรมทองคำนี้มีสัดส่วนสูงถึง 45-62% ของแรงขายดอลลาร์ทั้งประเทศ ในบางช่วงเวลา
ขณะเดียวกัน มูลค่าการซื้อขายทองคำเฉลี่ยต่อวันในปัจจุบันสูงถึง 65,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) อยู่ที่ประมาณ 42,000 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่ราคาทองคำมีความผันผวนสูงปริมาณการซื้อขายทองคำในวันเดียวเคยพุ่งสูงถึง 255,000 ล้านบาท
“สัดส่วนของธุรกิจทองคำเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2566 มีมูลค่าเท่ากับ 26% ของ GDP และพุ่งขึ้นเป็น 39% ของ GDP ในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าธุรกรรมทองคำจะเกินกว่า 50% ของ GDP ของประเทศ ซึ่งถือเป็นขนาดที่ใหญ่มากจนส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพมหาภาค อาจถึงเวลาที่เราต้องเข้ามากำกับดูแลในเรื่องนี้”
สำหรับการออกมาตรการกำกับดูแลปริมาณการทำธุรกรรมที่เหมาะสมนั้น กระทรวงการคลังจะออกประกาศ ให้ธปท. มีอำนาจในการกำกับดูแลปริมาณการทำธุรกรรมซื้อขายทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนม.ค.69 ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 15 ราย และเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ 3-4 ราย
ด้านนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวยืนยันว่า การซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ (USDT) ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทแข็งค่านั้น เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อน เนื่องจากปริมาณธุรกรรมซื้อขาย USDT รวมถึงยอดการแลกดอลลาร์ เป็นสกุลเงินบาท คิดเป็นเพียง 1.22% และ 0.17% ของยอดการโอนเงินเข้าประเทศ ซึ่งมีมูลค่า 29.1 ล้านล้านบาท ตามลำดับ จึงไม่มีนัยสำคัญต่อค่าเงิน