Coinbase ล่ม Bitcoin ดิ่ง เพราะอะไรนักลงทุนแห่เทขายเงินคริปโต

20 พ.ค. 2564 | 02:03 น.

บิตคอยน์ (Bitcoin) ทรุดหนักเกือบ 30% ใกล้หลุดระดับ 30,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือนวานนี้ (19 พ.ค.) สารพัดข่าวเชิงลบและมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางหลายประเทศ กำลังสร้างความผันผวนและแรงกดดันที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆให้กับตลาดเงินคริปโต

หลังจากประสบปัญหาระบบล่มไปพักใหญ่ “คอยน์เบส” (Coinbase) แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก็กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งแล้ววานนี้ (19 พ.ค. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ท่ามกลาง ภาวะผันผวนในตลาดเงินคริปโต

"เราได้แก้ไขปัญหาแล้ว และบริษัทขออภัยต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณต่อความอดทนของทุกท่านในวันนี้" แถลงการณ์ของบริษัทระบุ         

ขณะที่ “ไบแนนซ์” (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก ก็กลับมาเปิดทำการซื้อขายตามปกติแล้ว หลังประกาศห้ามนักลงทุนถอนสกุลเงินอีเธอเรียมก่อนหน้านี้ เนื่องจากประสบปัญหาในระบบเช่นกัน

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัท คอยน์เบส โกลบัล อิงค์ (Coinbase Global Inc.) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 13% สู่ระดับ 208 ดอลลาร์ หลังออกแถลงการณ์ว่า บริษัทประสบปัญหาทางเทคนิค ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดซึ่งส่งผลให้ระบบซื้อขายของบริษัทล่ม

จีนสั่งห้ามการให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโต

เกิดอะไรขึ้นกับราคาบิตคอยน์

ราคาบิตคอยน์ทรุดหนัก เกือบ 30% ใกล้หลุดระดับ 30,000 ดอลลาร์วานนี้ (19 พ.ค.) ซึ่งเป็นผลโดยตรงหลังจากที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต โดย ณ เวลา 20.09 น.ของวันที่ 19 พ.ค. ตามเวลาไทย บิตคอยน์ดิ่งลง 29.2% สู่ระดับ 30,600 ดอลลาร์ หรือราว 963,900 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ Coinbase

ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์เคยทะยานเหนือระดับ 64,400 ดอลลาร์ หรือทะลุ 2,000,000 บาทมาแล้ว ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อกลางเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ขานรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ของ Coinbase Global Inc. นั่นเอง

แต่ต่อมาสถานการณ์ในตลาดซื้อขายเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี ก็เริ่มผันผวนจากสารพัน “ข่าวเชิงลบ”  ที่กระหน่ำเข้ามาเป็นระลอก ซึ่งล่าสุดก็คือข่าวรัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทด้านการชำระเงิน ให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต ทั้งยังเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดที่จะสกัดความร้อนแรงในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล        

แบงก์ชาตินานาประเทศขยับล้อมคอก

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ราคาบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังถูกกดดันหลังมีข่าวว่า กระทรวงยุติธรรมและกรมสรรพากรสหรัฐ กำลังเข้าสอบสวนบริษัท ไบแนนซ์ โฮลดิ้งส์ (Binance Holdings) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากบริษัทอาจพัวพันการฟอกเงินและการหลบเลี่ยงภาษี

นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และสำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ยังออกแถลงการณ์เตือนก่อนหน้านี้ว่า สกุลเงินคริปโตไม่มีมูลค่าในตัวเอง และผู้ที่เข้าลงทุนก็ควรเตรียมตัวที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ธนาคารกลางตุรกีได้ออกคำสั่งห้ามการใช้สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ ในการซื้อขายสินค้าและบริการในประเทศ โดยระบุถึงความเสียหายและความเสี่ยง "ที่ไม่สามารถเยียวยาได้" จากการทำธุรกรรมดังกล่าว

 ขณะที่รัฐบาลอินเดียก็เตรียมออกกฎหมายห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ โดยจะมีการสั่งปรับผู้ที่ทำธุรกรรม หรือถือครองสกุลเงินคริปโต

หุ้นเทคโนโลยีวูบตามบิตคอยน์

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดวานนี้ (คืนวันที่ 19 พ.ค. เวลาไทย) ขณะที่นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน หลังจากที่บิตคอยน์ทรุดหนักเกือบ 30% หลุดระดับ 30,000 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase

ข่าวระบุว่า ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา ซึ่งมีรายงานว่าถือครองบิตคอยน์อยู่ถึง 2,500 ล้านดอลลาร์นั้น ร่วงลง 4% ในการซื้อขายวานนี้

อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา

ต้องยอมรับว่า การที่ราคาเงินคริปโตผันผวนอย่างหนักในช่วงสัปดาห์นี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแบบรายวัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) ราคาดอจคอยน์ (Dogecoin) ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลอีกสกุลหนึ่ง ทะยานขึ้นถึง 20% หลังจากนายมัสก์เปิดเผยว่า เขาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงระบบเพื่อให้การทำธุรกรรมด้วยสกุลเงิน Dogecoin มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) นายมัสก์ยังส่งสัญญาณผ่านการโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า บริษัทเทสลาอาจเทขายบิตคอยน์ทั้งหมดที่ถืออยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดจากระดับ 45,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง