ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 19 สิงหาคม 2563 คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)จะมีการโหวตเลือกประธานสภาอุตสาหกรรมฯ คนใหม่ หลังจากนั้นจะมีการแถลงนโยบายการบริหารงาน ยุทธศาสตร์และทิศทางการดำเนินงานของ ส.อ.ท. โดยประธานส.อ.ท.และกรรมการบริหารชุดใหม่วาระปี 2563-2565

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า สำหรับว่าที่ประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือนายสุพันธ์ุ  มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.คนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระในสมัยแรก(วาระปี 2561-2563)นั่นเอง ทั้งนี้นายสุพันธ์ได้เสนอตัวที่จะดำรงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.ในสมัยที่ 2 โดยที่ไม่มีใครประกาศตัวแข่งขันในรอบนี้ เพื่อให้เกียรตินายสุพันธ์เป็นประธานครบ 2 วาระตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยมีมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“กกร.” ทำหนังสือถึง “บิ๊กตู่” นัดประชุม “กรอ.” สิงหาคมนี้

“ส.อ.ท.” ชี้ เอสเอ็มอี เข้าถึง ซอฟท์โลน ได้ไม่ถึง 50%

"โคโรนา"กระทบหนัก 12 อุตฯ กกร.หั่นจีดีพีเหลือ 2%

สำหรับผลงานของนายสุพันธ์ุในตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.ใน 2 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีผลงานเป็นที่พอใจแก่สมาชิก เฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขสถานการณ์ภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในช่วงที่ผ่านมา และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้ทุ่มเททำงานหนัก เสียสละ เช่นเดียวกับผู้นำองค์กรภาคเอกชนทุกสถาบัน อาทิ การประสานกับภาครัฐและสถาบันการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีที่สามารถแก้ไขได้ระดับหนึ่ง และยังต้องเดินหน้าต่อไป  การประสานงานกับภาครัฐเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ รวมถึงการเรียกร้องข้อเสนอเพื่อให้ภาครัฐรับฟังเสียงจากเอกชนมากขึ้น เป็นต้น

“รอบนี้คุณสุพันธ์ุนอนมา ไม่มีใครประกาศตัวลงแข่งขัน เพื่อให้เกียรติคุณสุพันธ์เป็นประธานสมัยที่ 2 และสานต่องานในช่วงสถานการณ์โควิดที่ทุกคนทราบดีว่าต้องอดทน และภาคธุรกิจต่างมีปัญหาและข้างหน้ายังเป็นไปด้วยความยากลำบาก”

อนึ่ง นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คนที่ 16 วาระปี 2561-2563 จากก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เมื่อปี 2557 โดยในวาระปี 2561-2563 ได้ประกาศที่จะเดินหน้า 5 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน ภายใต้วิสัยทัศน์ “อุตสาหกรรมไทยสู่สากล นวัตกรรมก้าวหน้า รักษ์สิ่งแวดล้อม” ประกอบไปด้วย

ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายสภาอุตสาหกรรม โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน หน่วยงานด้านการศึกษา รวมไปถึงความมือกลุ่มอุตสาหกรรมและสภาจังหวัด

ยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย โดยพัฒนาฐานข้อมูลอุตสาหกรรม ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีนวัตกรรม 4.0 มาใช้ อีกทั้งยังมีการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีฝีมือและคุณภาพ

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริม Startup และยกระดับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากอุตสาหกรรมกว่า 90% มาจาก SMEs การส่งเสริมคนรุ่นใหม่โดยการจับคู่ธุรกิจหรือการให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลจะช่วยให้ SMEs ก้าวไกลได้มากขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างเสริมธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การทำ CSR เพื่อให้เกิดสังคมคุณภาพ ต่อต้านคอรัปชั่นและรักษาสิ่งแวดล้อม

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยกระดับองค์กรและพัฒนาบุคลากร ส.อ.ท. โดยมีการคัดสรรบุคลากร การใช้ระบบประเมินผล และการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ

โดยทั้ง 5 ยุทธศาสตร์นี้เชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Industry 4.0 ได้อย่างเข้มแข็ง