นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า นอกจากอินเดีย เวียดนามปากีสถาน จีนที่เป็นคู่แข่งส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยแล้ว “เมียนมา”กำลังเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่าจับตามอง โดยเวลานี้เมียนมาเริ่มส่งออกข้าวได้มากขึ้นจากราคาถูก เช่นราคาข้าวขาว 5% ส่งออกของไทยเวลานี้อยู่ที่ประมาณ440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เวียดนาม 370 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน อินเดีย 365-370 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวเมียนมา 320-330 ดอลลาร์ต่อตัน(ล่าสุดข้าวเมียนมาขึ้นมาอยู่ที่ 360-370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันจากมีหลายประเทศสั่งซื้อข้าวเมียนมาเพิ่มขึ้น)
ชูเกียรติ โอภาสวงศ์
สหพันธ์ข้าวเมียนมา (the Myanmar Rice Federation; MRF) รายงานว่า ในช่วงประมาณ 4 เดือนแรก (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562-17 มกราคม 2563) ของปีงบประมาณ 2562/2563 (ตุลาคม 2562-กันยายน 2563) เมียนมาส่งออกข้าวสารและข้าวหักได้รวม1.047 ล้านตัน มูลค่า 300.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยข้าวสารประมาณ 740,000 ตัน มูลค่าประมาณ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยส่งไปยัง 56 ประเทศ และข้าวหักประมาณ 302,000 ตัน มูลค่าประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งไปยัง 46 ประเทศ
โดยสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวในปีงบประมาณ 2562/2563 ไว้ที่ 2.5 ล้านตัน (ไทยตั้งเป้าส่งออก 7.50 ล้านตัน จากปี 2562 ส่งออกได้ 7.58 ล้านตันต่ำสุดรอบ 6 ปี) จากปีงบประมาณ 2561/2562 เมียนมาส่งออกข้าวได้ประมาณ 2.355 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 709.693 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดยุโรปและแอฟริกาผ่านทางทะเล และส่งไปประเทศจีนผ่านทาง ชายแดน โดยในปี 2560/2561 เมียนมาส่งออกข้าวประมาณ 3.6 ล้านตัน ซึ่งมากที่สุดในรอบ 50 ปี
สำหรับเมียนมา มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 44.38 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิตข้าวในปี 2561/62 จะมี ปริมาณ 13.40 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปี 2560/61 ซึ่งมีผลผลิต 13.20 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เนื่องจากราคา ข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวมากขึ้น รวมทั้งปัจจัยการใช้เมล็ดพันธุ์และเครื่องจักรกลการเกษตร ที่มีคุณภาพสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และการจัดสรรทางชลประทานเพื่อการเพาะปลูกแก่เกษตรกรที่ดีขึ้น