KEY
POINTS
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2569 บริษัทเตรียมใช้เงินลงทุนในประเทศไทยราว 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) และจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) รวมถึง Technical Center รองรับความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากตลาดโลก
ทั้งนี้เอกา โกลบอล ดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารมากว่า 20 ปี ในลักษณะ OEM ให้กับแบรนด์ข้ามชาติและแบรนด์ใหญ่ในประเทศ โดยเชี่ยวชาญบรรจุภัณฑ์พลาสติกขึ้นรูปชนิดพิเศษที่สามารถยืดอายุอาหารได้นานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น น้ำหนักเบา ลอยน้ำได้ และสามารถอุ่นไมโครเวฟได้ เหมาะกับอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยง
ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมกว่า 2,850 ล้านชิ้นต่อปี จาก 2 โรงงานในประเทศไทยและอินเดีย โดยโรงงานในไทยตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ โดยตลาดหลักได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ส่วนโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็มกำลังผลิต 300 ล้านชิ้นต่อปี ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เพื่อรองรับความต้องการในตลาดอินเดียซึ่งเติบโตเฉลี่ยปีละมากกว่า 100%
“ตลาดอินเดียถือเป็น “ดาวรุ่ง” ของโลก ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังซื้อภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการอาหารและขนมหวานในประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันเอกา โกลบอล มีฐานลูกค้าอยู่แล้วกว่า 300–400 ราย และมีคำสั่งซื้อเฉลี่ยมากกว่า 10,000 ชิ้นต่อเดือน ทำให้บริษัทเห็นศักยภาพในการขยายการลงทุนในระยะถัดไปอีกภายใน 2 ปีข้างหน้า”
ขณะเดียวกัน บรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล ยังถูกมองว่าเป็นเสบียงสำคัญในภาวะภัยพิบัติ เนื่องจากสามารถเก็บรักษาได้นาน 1–2 ปี ไม่ต้องใช้ระบบ Cold Chain และลอยน้ำได้ ต่างจากกระป๋องโลหะ ทำให้เหมาะสำหรับการจัดเก็บเป็นอาหารสำรองของภาครัฐ โดยนายชัยวัฒน์เสนอให้ประเทศไทยพิจารณาแนวทางของญี่ปุ่นที่จัดเก็บอาหารพร้อมรับประทานไว้ในคลังขนาดใหญ่ และหมุนเวียนนำไปใช้ก่อนหมดอายุ เพื่อลดความสูญเสียและช่วยบรรเทาภาระงบประมาณของรัฐ
“การเตรียมพร้อมในกรณีภัยพิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถเก็บอาหารไว้ได้นาน จะช่วยลดภาระของรัฐบาลในการจัดส่งเสบียงซ้ำ ๆ ในระยะเวลาที่เกิดภัยพิบัติ โดยการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถเก็บอาหารได้ยาวนานจนถึง 2 ปีจะช่วยให้สามารถจัดเก็บและแจกจ่ายอาหารได้อย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤติ และยังสามารถจัดเก็บสำรองไว้ล่วงหน้าทำให้ลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ”
บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของเอกา โกลบอลสามารถใช้กับอาหารประเภทต่าง ๆ รวมถึงขนมหวาน ซุป อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) เช่น ข้าวหุงสำเร็จ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มต่าง ๆ รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีคุณสมบัติที่สามารถเก็บรักษาคุณภาพรสชาติและความสดใหม่ของอาหารได้นานโดยไม่ต้องใช้ระบบการเก็บอาหารที่ต้องแช่เย็นหรือลงตู้เย็น
ในด้านความยั่งยืน บริษัทมีศักยภาพในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้ง Bioplastic, Biodegradable และเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านต้นทุนที่สูงกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไปถึง 10 เท่า อีกทั้งระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของไทยยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดทั้งระบบจัดเก็บและตลาดรับซื้อพลาสติกรีไซเคิล โดยเฉพาะพลาสติกที่ไม่ใช่ขวดน้ำหรือขวดแก้ว
อย่างไรก็ตาม เอกา โกลบอล ได้กำหนดโรดแมป “กรีนโปรดักส์” เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต พร้อมเดินหน้าลงทุนด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสถานะ “ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย และติดอันดับ Top 5 ของโลก” รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทานทั่วโลกในระยะยาว
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,154 วันที่ 4 - 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568