บัญชีกลางมุ่งจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส ช่วยประหยัดงบภาครัฐกว่า 1 แสนล้าน

06 ธ.ค. 2568 | 12:35 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2568 | 12:40 น.

บัญชีกลางมุ่งจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใสแล้วกว่า 11 ปี ชี้ประหยัดงบภาครัฐกว่า 1 แสนล้าน ระบุมี 203 โครงการเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม

นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมฯ ให้ความสำคัญต่อการสร้างความโปร่งใสในกระบวนจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยนำโครงการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (ไอพี) และโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (คอสต์) มาเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 58 เพื่อป้องกันการทุจริต 

ทั้งนี้ กรมฯ เปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐในทุกขั้นตอน ประกอบด้วย วงเงินงบประมาณ, ราคากลาง, มูลค่าสัญญา โดยผลนับตั้งแต่เริ่มโครงการปี 58-68 ตลอด 11 ปี ช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณได้แล้วกว่า 1.12 แสนล้านบาท โดยเป็นเทียบเคียงระหว่างเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ กับการใช้จ่ายตามมูลค่าสัญญาที่แท้จริง

สำหรับการดำเนินงานโครงการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม ปัจจุบันมีโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้รับคัดเลือกให้จัดทำข้อตกลงคุณธรรมรวมทั้งสิ้น 203 โครงการ รวมถึงโครงการใหม่ที่คณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตได้คัดเลือกให้เข้าร่วมประจำปี 69 อีก 11 โครงการ วงเงินรวม 2.23 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็น 

  • โครงการที่สิ้นสุดการดำเนินงานแล้ว 70 โครงการ
  • โครงการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง 133 โครงการ 

ขณะที่ผลดำเนินงานโครงการที่เข้าร่วมและดำเนินการจัดหาแล้ว 141 โครงการ วงเงินงบรวม 992,742 ล้านบาท โดยมีมูลค่าสัญญาในโครงการจัดหาแล้วรวม 912,913 ล้านบาท ผลสำเร็จช่วยประหยัดงบประมาณจัดหารวม 79,828 ล้านบาท คิดเป็น 8.04% ของวงเงินงบประมาณโครงการที่ดำเนินการจัดหา 

ส่วนการดำเนินโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (คอสต์) ที่ได้เริ่มตั้งแต่ปี 58 ซึ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมการดำเนินงานปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างที่ได้รับคัดเลือกและเข้าร่วมโครงการคอสต์แล้วทั้งสิ้น 8,484 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการที่คณะอนุกรรมการฯ ได้คัดเลือกให้เข้าร่วมประจำปี 69 ครั้งที่ 1 จำนวน 1,148 โครงการ  

“ผลการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการคอสต์ทั้งหมด 8,484 โครงการ มีวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 736,895 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มีโครงการที่ได้ดำเนินการจัดทำสัญญาแล้ว 6,721 โครงการ  วงเงินงบประมาณ 406,039 ล้านบาท ราคากลางรวม 401,183 ล้านบาท มูลค่าสัญญารวม 372,575 ล้านบาท ซึ่งผลให้ช่วยประหยัดวงเงินงบประมาณภาครัฐได้ 33,163 ล้านบาท คิดเป็น 8.17%  และมีความแตกต่างระหว่างราคากลางกับมูลค่าสัญญา 28,608 ล้านบาท”