คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ต่อยอดธุรกิจดึง ‘KAYOU’ รุกตลาดป๊อปคัลเจอร์ไทย

06 ธ.ค. 2568 | 03:58 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ธ.ค. 2568 | 03:58 น.

คิดซ์ แอนด์ คิทซ์เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ทางธุรกิจรุกดึง ‘KAYOU’ เจาะตลาดป๊อปคัลเจอร์ไทย มุ่งขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย

KEY

POINTS

  • บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ ร่วมมือกับ KAYOU แบรนด์การ์ดสะสมระดับโลก เพื่อขยายธุรกิจและเจาะตลาดป๊อปคัลเจอร์ในประเทศไทย
  • ใช้กลยุทธ์ Attract & Expand โดยเริ่มต้นทำตลาดด้วยคอลเลกชันจาก IP ยอดนิยม เช่น Free Fire, Mobile Legends, Harry Potter และ Transformer
  • ตั้งเป้าหมายกระจายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมกว่า 9,000 จุดขายทั่วประเทศภายใน 6 เดือน ผ่านกลยุทธ์ราคาที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงง่าย

นายจรกฤตย์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด (Kidz and Kitz) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ดำเนินการต่อยอดกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกกค้าในประเทศไทยให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น

โดยผ่านการดำเนินการร่วมกับ KAYOU ผ่านกลยุทธ์ Attract & Expand ซึ่งจะเป็นการเจาะเข้าหากลุ่มผู้บริโภคด้วย IP ที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่น  โดยการทำตลาดในไทยจะเริ่มต้นด้วยคอลเลกชันจาก IP ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Free Fire ,Mobile Legends: Bang Bang (MLBB) ,Harry Potter ,Transformer และ My Little Pony 

โดยผ่านการดำเนินการร่วมกับ KAYOU ผ่านกลยุทธ์ Attract & Expand ซึ่งจะเป็นการเจาะเข้าหากลุ่มผู้บริโภคด้วย IP ที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่น  โดยการทำตลาดในไทยจะเริ่มต้นด้วยคอลเลกชันจาก IP ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Free Fire ,Mobile Legends: Bang Bang (MLBB) ,Harry Potter ,Transformer และ My Little Pony 

คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ต่อยอดธุรกิจดึง ‘KAYOU’ รุกตลาดป๊อปคัลเจอร์ไทย

“กลยุทธ์ที่จะเจาะตลาดผู้บริโภคคือ ความยืดหยุ่นด้านราคา (Accessible Pricing) ที่ทำให้สามารถเข้าด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ไปจนถึง "คุณภาพระดับพรีเมียม" 

สำหรับเป้าหมายของบริษัทผ่านแบรนด์ KAYOU ในประเทศไทยนั้น ตั้งเป้าที่จะกระจายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมกว่า 9,000 จุดขายทั่วประเทศ ภายใน 6 เดือน

นายจรกฤตย์ กล่าวอีกว่า KAYOU ได้รับการจัดอันดับทั่วโลกให้เป็นแบรนด์เทรดดิ้งการ์ด (Trading Card) อันดับ 3 และแบรนด์ของเล่นอันดับ 12 จากผลการวิจัยของ QYR Research และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าในปี 2024