“สุพัฒนพงษ์” ลั่น ประกาศรับซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าชุมชน ได้ภายใน 30 วัน นำร่อง 200 เมกะวัตต์

20 ส.ค. 2563 | 08:14 น.

“สุพัฒนพงษ์” ยัน เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน คาดประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ใน 30 วัน ปรับหลักเกณฑ์ให้ผลประโยชน์ตกสู่เกษตรกรอย่างแท้จริง เบื้องต้นประเดิมรับซื้อ 200 เมกะวัตต์ นำร่อง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงนโยบายด้านพลังงานหลังจากชี้แจงนโยบายภายหลังการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ร่วมกับข้าราชการกระทรวงพลังาน ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 80 คน ว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จะเดินหน้าสานต่อนโยบายจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้มอบหมายให้นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังาน ไปศึกษาวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ใหม่ พร้อมปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้ประโยชน์ตกถึงชมชุนและเกษตกรอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตกแก่โรงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ให้แล้วเสร็จและสามารถประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ภายใน 30 วัน นับจากนี้ไป และให้ผู้ที่สนใจยื่อข้อเสนอขายไฟฟ้าเข้ามาภายในปี 2563 นี้ และเริ่มจ่ายไฟฟาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะเปิดรับซื้อไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทใดก่อน ซึ่งของเดิมกำหนดไว้ 4 ประเภท แต่ได้ให้การบ้านกับผู้บริหารกระทรวงไปว่า จะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่มุ่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง อย่างเช่น การปลูกไม้โตเร็ว เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบโรงไฟฟ้าชีวมวล และการปลูกหน้าเนเปียร์ เป็นวัตถุดิบโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ เป็นต้น เบื้องต้นคาดว่าอาจจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าปริมาณ 100-200 เมกะวัตต์ นำร่องก่อน โดยไม่ระบุว่าเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนประเภท Quick win  100 เมกะวัตต์ แต่จะเปิดกว้างให้กับเอกชนและวิสาหกิจที่สนใจด้วย ซึ่งต้องรอผลการศึกษาของกระทรวงพลังงานก่อนว่าปริมาณดังกล่าวเหมาะสมและตรงกับวัตถุประสงค์ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกรหรือไม่

“สุพัฒนพงษ์” ลั่น ประกาศรับซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าชุมชน ได้ภายใน 30 วัน นำร่อง 200 เมกะวัตต์

                                                  นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุพัฒนพงษ์” ยันไม่ล้มโรงไฟฟ้าชุมชน ปรับเกณฑ์เอื้อเกษตรกรสูงสุด

กพช.ไฟเขียวตั้งโรงไฟฟ้า ชุมชนถือหุ้น 10-40 %

“โครงการดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนดังนั้น อาจจะต้องปรับหลักเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น ต้องมีการปลูกพืชพลังงาน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ รวมถึงการมีหลักประกันการรับซื้อเชื้อเพลิงที่แน่นอนและแสดงให้เห็นว่าการปลูกพืชพลังงาน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในพื้นที่นั้นๆ เหมาะสมกว่าการปลูกพืชเศรษฐกิจเดิมหรือไม่ และหลักเกณฑ์ด้านความยั่งยืนของเกษตรกร เป็นต้น”

 

ส่วนกรณีปัญหาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-2580(PDP2018) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ซึ่งบรรจุการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเอาไว้ ปริมาณ 1,933 เมกะวัตต์  แต่ขณะนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องรอแผนพีดีพี ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 แต่อาจจะกลับไปใช้แผนพีดีพี 2018 ฉบับปัจจุบัน  เพียงแต่แก้ไขเพิ่มเติมบทแทรกแนบท้ายแผนพีดีพี 2018 ให้มีโรงไฟฟ้าชุมชนเข้าไปอยู่ในแผนไว้ด้วยได้ ซึ่งบทแทรกแผนพีดีพีดังกล่าวจะต้องนำเสนอผ่านทางคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบ

“สุพัฒนพงษ์” ลั่น ประกาศรับซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าชุมชน ได้ภายใน 30 วัน นำร่อง 200 เมกะวัตต์

ส่วนแผนพีดีพี ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 นั้น ทางคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องกลับมาถามกระทรวงพลังงาน ว่ายังมีความจำเป็นอีกหรือไม่ เนื่องจากการจัดทำแผน ดำเนินงานก่อนที่จะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า อาจจะต้องปรับแผนพีดีพีใหม่ทั้งหมด เพราะความต้องการไฟฟ้าปรับลดลงอย่างมากจากปัญหาโควิด-19 และกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ อาจจะต้องใช้เวลานาน

 

ดังนั้น การปรับแผนพีดีพีใหม่ จะต้องให้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สิ้นสุด และเห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อน มองว่า แผนพีดีพีที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ยังสามารถใช้ต่อไปได้ และยังไม่จำเป็นต้องปรับแผนพีดีพีใหม่ในขณะนี้