ปลุกส่งออกไทย!!! เข็นครกขึ้นภูเขา

02 ต.ค. 2562 | 07:29 น.

 

     ธุรกิจเดินมาถึงโค้งสุดท้ายของปี 2562  ต่างลุ้นระทึก ทั้งภาคส่งออก ที่มีแนวโน้มมุ่งไปในทางติดลบ  ในขณะที่คำสั่งซื้อออกอาการแตะเบรก  เมื่อลูกค้ามีคำสั่งซื้อลดลง ผลจากการส่งออกสะท้อนว่าสินค้าส่งออกกลุ่มสำคัญช่วง  8 เดือนแรกติดลบ  เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ , เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ , ยางพารา ,ข้าว,น้ำตาล ทำให้ภาคการผลิตเดินเครื่องได้ไม่เต็มสูบ ธุรกิจรายสาขายืนอยู่บนความเสี่ยง!!!

     ล่าสุดหลายสำนักด้านเศรษฐกิจก็ทยอยออกมาปรับเป้าขยายตัวทางเศรษฐกิจและปรับเป้าส่งออกเป็นแถวโดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน(กกร.)วันนี้(2ต.ค.) ประกาสปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกปี 2562 จากเดิม -1.0% ถึง 1 .0%  มาเป็น -2.0% ถึง 0.0%  และปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยลงมาจากเดิม ขยายตัว 2.9-3.3%  มาเป็น 2.7-3.0% หลังจากที่ทิศทางเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3  อยู่ในภาวะที่อ่อนแรงต่อเนื่อง

 ทั้งหมดเกิดจากผลพวงปัญหาหลักจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ลามมาสู่ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว  และถูกซ้ำเติมด้วยเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่นในภาคพื้นเดียวกัน ล้วนเป็นผลกระทบต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกันจนสถานะเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาพรอให้น้ำเกลือ!

จับชีพจรศก.อ่อนแรง

      “ฐานเศรษฐกิจ”รวบรวมความเห็นจากบรรดานักธุรกิจที่สะท้อนมุมมองภาคการผลิต และส่งออก ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2562 หลายเสียงให้น้ำหนักไปในทิศทางเดียวกันว่า “น่าเป็นห่วง” และเมื่อเจาะไปยังรายกลุ่มอุตสาหกรรมยิ่งสะท้อนความน่าเป็นห่วงจากปากบรรดานายทุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น!

     ตั้งแต่ปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯที่ยืดเยื้อจนไม่เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจโลก อีกทั้งปัญหาเบร็กซิทในยุโรป ที่ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 จะครบเวลาที่อังกฤษต้องออกจากยุโรป ยิ่งน่าจับตาโดยเฉพาะเยอรมนีที่เคยมีสัดส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 28% เทียบกับประเทศในกลุ่มอียูด้วยกัน  ล่าสุดไตรมาส 2 มีสัดส่วนเศรษฐกิจตกต่ำลงมาที่ 0.1-0.2% และเป็นประเทศที่มีบทบาทมากในการส่งออกเครื่องจักรก็ลดลง ขณะที่เศรษฐกิจจีนแม้จะรักษาสัดส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจไม่หลุดกรอบ 6%  ได้  แต่ก็ต้องออกแรงโหมโรงอย่างหนักหน่วงโดยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นระยะ

  นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)  เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” โดยยอมรับว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้แวดล้อมไปด้วยปัจจัยเสี่ยงรอบด้านโดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้  และเชื่อว่าบางบริษัทที่ได้รับผลกระทบธุรกิจขาดสภาพคล่อง หลังจากที่คำสั่งซื้อลดลงนั้น  ไม่น่าจะมาจากปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯเพียงอย่างเดียว  น่าจะมาจากหลายสาเหตุที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทแข็งค่า ยอมรับว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้แวดล้อมไปด้วยปัจจัยเสี่ยงรอบด้านโดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกด้วยทั้งสิ้น 

 

ปลุกส่งออกไทย!!! เข็นครกขึ้นภูเขา

   

-ต้องปรับตัวรับมือให้เร็ว 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ยิ่งสะท้อนภาพปัญหาที่เกิดจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น  โดยเฉพาะประเทศไทย ที่น่าห่วงมากคือการส่งออกของไทย ที่เมื่อเดือนสิงหาคมส่งออกไทยติดลบแล้ว 4%  ติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ (เดิมคาดการณ์เดือนสิงหาคมติดลบ 2%) โดยมองว่าอีก 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ไทยจะต้องส่งออกให้ได้  23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนเป็นอย่างน้อยถึงจะทำให้การส่งออกไม่ติดลบ ซึ่งเป็นไปได้ยาก

      เหตุผลที่เป็นไปได้ยากมาจากความจริงที่เกิดขึ้นคือ คำสั่งซื้อสินค้าบางกลุ่มเกิดการชะลอตัว ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน (ณ วันที่ 27 ก.ย. 62 แข็งค่าอยู่ที่ 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ)  นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบันแข็งค่าไปแล้ว 6% ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยแพ้คู่แข่ง สินค้าไทยก็จะแพงขึ้น และทำให้อุตสาหกรรมที่ผลิตจากไทยเสียโอกาส

ปลุกส่งออกไทย!!! เข็นครกขึ้นภูเขา

     สิ่งที่ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรับมือให้เร็วที่สุด มี 3 ส่วนหลักคือ 1. วิ่งเข้าหาตลาดสหรัฐฯให้มากขึ้น หลังจากที่สินค้าจีนเข้าไปขายในสหรัฐฯได้น้อยลง 2.รีบวิ่งหาตลาดใหม่ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่มีกำลังซื้อมากกว่า 1,200 ล้านคน และ 3.รัฐบาลต้องรีบเจรจา FTAให้เร็วขึ้นกับทั้งอียูและสหรัฐฯ

“ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งหาทางออกทุกทางเพื่อรักษาธุรกิจให้ไปต่อและปัญหานี้ส่วนใหญ่มาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กระทบเหมือนกันหมด”

 นายภราดร จุลชาต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  กล่าวว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ  และเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ทำให้ความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง รวมถึงเงินบาทแข็งค่า ล้วนเป็นปัญหาต่อการส่งออก และอุตสาหกรรมพลาสติกส่วนใหญ่ก็เป็นอุตสาหกรรมที่ซัพพอร์ตให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ส่งออกจำนวนมาก  และถ้าโฟกัสมาที่เม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติก ล่าสุดกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มพลาสติกให้ข้อมูลว่าดีมานด์การใช้เม็ดพลาสติกในจีนก็ลดลง  และในช่วงปลายไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 มานี้ ราคาเม็ดพลาสติกเริ่มตกต่ำลงต่อเนื่องล่าสุดราคาร่วงลงไปแล้ว 10-15% เป็นราคาที่ตกต่ำลงทั้งตลาดโลกจากปัญหาดังกล่าว  ซึง่ยอมรับว่าปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกทำให้บริหารจัดการธุรกิจยากขึ้น การบริหารความเสี่ยงก็ต้องวางแผนระยะสั้นเพราะเหตุการณ์โลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่  และเวลานี้แม้ต้นทุนด้านเม็ดพลาสติกจะร่วงลงมา แต่ราคาวัตถุดิบอย่างแนฟทายังไม่ได้ลดลงตาม

ปลุกส่งออกไทย!!! เข็นครกขึ้นภูเขา

     ฟังจากเสียงนักธุรกิจตัวจริงที่ออกมาฉายภาพให้เห็นข้อกังวลถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2562 ที่ขับเคลื่อนด้วยความยากลำบากโดยเฉพาะการส่งออก  อีก 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ที่ไทยจะต้องส่งออกให้ได้  23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนเป็นอย่างน้อย  ถึงจะทำให้การส่งออกไม่ติดลบ ซึ่งเป็นไปได้ยาก!  เปรียบเสมือนคำสุภาษิตที่ว่า...เข็นครกขึ้นภูเขา!!!