“เสียค่าโง่”โฮปเวลล์ ศาลสั่งรฟท.จ่าย 1.2 หมื่นล้านบาท+ดอกเบี้ย

22 เม.ย. 2562 | 03:48 น.

คมนาคม -รฟท. อ่วม ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาสั่งจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 12,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ชดเชยการบอกเลิกสัญญาตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ปิดฉากคดีค่าโง่ที่ยืดเยื้อมากว่า 15 ปี เหตุคำร้องขอเพิกถอนไม่เข้าลักษณะเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนที่ให้อำนาจศาลสั่งเพิกถอนได้ 

วันนี้(22 เม.ย.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นยกคำร้องมีผลให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) ต้อง ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่8พ.ย.51โดย รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว 2,850 ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38,749,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด 

     โดยศาลให้เหตุผลว่า คดีนี้มีประเด็นต้องวินิจฉัย 3ประเด็น1.การยอมรับหรือบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ ในประเด็นนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนที่บริษัทโฮปเวลล์จะยื่นคำเสนอข้อพิพาท ได้ทำหนังสือขอให้กระทรวงคมนาคม และรฟท.ระงับข้อพิพาทโดยการเจรจาประนีประนอมยอมความให้เสร็จภายใน 60วัน ซึ่ง กระทรวงคมนาคมและ รฟท.ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว แต่เพิกเฉยไม่พยายามเจรจา บริษัทโฮปเวลล์จึงมีสิทธิยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดได้ และเมื่อพิจารณาคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเด็นดังกล่าวแล้ว เห็นว่า การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานข้อ 31.1 ซึ่งระบุว่าเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญาคู่สัญญาจะต้องมีการประนีประนอมระงับข้อพิพาทนั้นก่อน หากภายในระยะเวลา60วัน ไม่สามารถประนีประนอมระงับข้อพิพาทได้ ให้นำข้อพิพาทเสนออนุญาโตตุลาการชี้ขาดได้ดังนั้นคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในส่วนนี้จึงไม่ปรากฏเหตุที่จะทำให้เป็นคำชี้ขาดที่ฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่อย่างใด

“เสียค่าโง่”โฮปเวลล์ ศาลสั่งรฟท.จ่าย 1.2 หมื่นล้านบาท+ดอกเบี้ย

      2 .สิทธิเสนอให้ระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. พ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ข้อตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างปกระทรวงคมนาคม รฟท. และบริษัทโฮปเวลล์ เป็นสัญญาทางแพ่งชนิดหนึ่งที่มีพ้นบังคับกันได้ และไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาสัมปทานจึงมีอายุความ 10ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.193/30 ทั้งนี้ ข้อพิพาทตามสัญญาสัมปทานเกิดขึ้นนับแต่วันที่กระทรวงคมนาคมและรฟท.มีหนังสือบอกสัญญากับบริษัทโฮปเวลล์ ลงวันที่ 27 ม.ค.41 ซึ่งบริษัทโฮปเวลล์เสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.47 ยังไม่ครบ 10ปี จึงยังคงใช้สิทธิเรียกร้องได้ การที่กระทรวงคมนาคมและ รฟท. อ้างว่า บริษัทโฮปเวลล์ไม่อาจเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องเกิน 1ปี ตาม ม.51 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาศาลปกครอง พ.ศ.2542 และคณะอนุญาโตตุลาการเห็นว่า ไม่อาจนำระยะเวลาตามบทบัญญํติดังกล่าวมาบังคับใช้กับการใช้สิทธิเรียกร้องที่จะเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการได้ เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายคนละฉบับนั้น ศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณาคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเด็นนี้แล้ว แม้คำชี้ขาดได้อ้างเหตุทางข้อกฎหมายเกี่ยวกับลักษณะของสัญญาและอายุความแตกต่างไปจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อเป็นคำชี้ขาดที่ให้ผลว่า ข้อพิพาทที่เสนอเป็นข้อพิพาทที่รับไว้พิจารณาได้ อันเป็นผลตรงกับที่ศาลปกครองสูงสุดได้เคยวินิจฉัยไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นคำชี้ขาดในประเด็นนี้จึงไม่ปรากฏเหตุบกพร่องถึงขนาดทำให้เป็นคำชี้ขาดที่ฝ่าฝืนต่อตัวบทกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อีกเช่นกัน

     3. คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่มีการกำหนดประเด็นว่า สัญญาสัมปทานเลิกกันไปโดยปริยายหรือโดยข้อกฎหมายหรือไม่ และกระทรวงคมนาคม รฟท. และบริษัทโฮปเวลล์จะกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.391 หรือไม่เพียงใดนั้น เห็นว่า คดีนี้สัญญาพิพาทมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน การแจ้งยกเลิกสัญญาโดยฝ่ายปกครองแต่เพียงฝ่ายเดียวจึงยังไม่มีผลทางกฎหมายให้สัญญาเป็นอันเลิกกันในทันที อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงปรากฏว่า กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้มีหนังสือแจ้งมติ ครม.ที่บอกเลิกสัญญาต่อบริษัทโฮปเวลล์ และได้มีหนังสือแจ้งยืนยันเจตนาที่ไม่ประสงค์จะมีข้อผูกพันตามสัญญาอีกต่อไป ถือเป็นกรณีที่ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาอย่างชัดแจ้งแล้ว และต่อมาบริษัทโฮปเวลล์ได้ยินยอมย้ายคนและเครื่องมือออกจากพื้นที่สัมปทานและไม่ได้เข้าไปดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าวอีก อันเป็นการแสดงออกถึงการตกลงให้สัญญาเป็นอันเลิกกัน เมื่อสัญญาเป็นอันเลิกกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิม เทียบเคียงหลักการให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม กรณีที่มีการบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.391 คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่เห็นว่าสัญญาเป็นอันเลิกกันและให้คู่สัญญาคืนสู่ฐานะเดิมดังที่เป็นอยู่เดิมจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่อย่างใด

“เสียค่าโง่”โฮปเวลล์ ศาลสั่งรฟท.จ่าย 1.2 หมื่นล้านบาท+ดอกเบี้ย

     สำหรับคำชี้ขาดในส่วนที่กำหนดให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.ต้องดำเนินการให้บริษัทโฮปเวลล์กลับคืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิมนั้น ศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดในประเด็นข้อโต้แย้งต่างๆของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ที่อ้างเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้น ล้วนแต่เป็นการโต้แย้งดุลพินิจการพิจารณาข้อเท็จจริงและการปรับใช้กฎหมาย ข้อสัญญาของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประเด็นต่างๆดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยว่า คู่สัญญาฝ่ายใดปฏิบัติตามสัญญาโดยถูกต้องแล้วหรือไม่ อย่างไร และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีความรับผิดต่อกันหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น ไม่ได้มีลักษณะเป็นเรื่องเกี่ยวดัวยความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่อย่างใด จึงไม่ปรากฏเหตุให้อำนาจศาลปกครองเพิกถอนคำชี้ขาดในส่วนนี้ได้เช่นกัน จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นยกคำร้องและให้บังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ โดยให้ กระทรวงคมนาคมและรฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 180วัน นับแต่คดีถึงที่สุด และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์จำนวน 16,535,504 บาทให้แก่บริษัทโฮปเวลล์

     ผู้สี่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ภายหลังกระทรวงคมนาคม และ รฟท.บอกเลิกสัญญาสัมปทาน บริษัทโฮปเวลล์ได้ยื่นข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.47 และเมื่ออนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ให้รฟท.ต้อจ่ายคืนเงินชดใช้ค่าบอกเลิกสัญญาให้กับบริษัทโฮปเวลล์ คู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างมีการยื่นฟ้องกันเองต่อศาลปกครองกลางตั้งแต่ปี ซึ่งต่อมาศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.57 เพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว แต่สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาความยาว 119หน้า กลับคำพิพากษาดังกล่าว ถือเป็นการปิดตำนานคดีสัมปทานโฮปเวลล์ที่ยาวนานกว่า 15ปี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

●  ศาลปกครองกลางยกคำขอ"คมนาคม"ไม่รื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์

● เสียค่าโง่โฮปเวลล์ ศาลสั่งรฟท.จ่าย 1.2 หมื่นล้านบาท+ดอกเบี้ย

● ฟื้นคดี ค่าโง่โฮปเวลล์ ก่อนเฉือนที่ดินรถไฟจ่าย

หนังสือลับขายโฮปเวลล์ไม้เด็ดรื้อค่าโง่ 2.5 หมื่นล้าน!

อัยการยื่นศาลปค.รื้อค่าโง่โฮปเวลล์1.2หมื่นล้านแล้ว

เชิญโฮปเวลล์เจรจาเคลียร์หนี้1.2หมื่นล้าน

ลึก-ลับผู้สร้างตอม่อโฮปเวลล์กับค่าโง่แห่งชาติหมื่นล้าน’ (จบ)

รฟท.ยันตั้งคณะทำงานสู้ค่าโง่โฮปเวลล์เสร็จสัปดาห์นี้

กุลิศยัวะ จ่ายบานค่าโง่โฮปเวลล์ 2.5หมื่นล้าน

ค่าโง่โฮปเวลล์ 1.18 หมื่นล้านมากขนาดไหน

ย้อนรอย...ค่าโง่โฮปเวลล์2หมื่นล้าน