แม่ทัพ “สิงห์ เอสเตท” ดันธุรกิจผงาด ด้วยหัวใจ ESG

06 ม.ค. 2567 | 12:03 น.

"คอลัมน์ซีอีโอ โฟกัส" แม่ทัพ “สิงห์ เอสเตท” “ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์” ดันธุรกิจผงาด ด้วยหัวใจ ESGเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

 

การเดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืน กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ในยุคที่โลกดำเนินไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่สร้างให้เกิดความท้าทายกับผู้นำองค์กรอย่างน่าสนใจ สำหรับ “ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เธอคือหนึ่งผู้นำองค์กรที่ทำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

 “ฐิติมา” ถูกแต่งตั้งขึ้นรับไม้ต่อจาก นริศ เชยกลิ่น ซีอีโอ คนแรกของสิงห์ เอสเตท เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ภายใต้ภารกิจในการขับเคลื่อนสิงห์ เอสเตท ให้เดินหน้าสู่เป้าหมายก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยเป้าหมายใหญ่ คือ การสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอย่างมั่นคง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ด้วยกลยุทธ์การบูรณาการธุรกิจต่างๆ ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งกลุ่มธุรกิจที่เป็นแกนหลัก และกลุ่มธุรกิจใหม่ พร้อมมุ่งเดินหน้าสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว หรือที่ 20,000 ล้านบาทภายในเวลา 3 ปี

เวลาผ่านไปกว่า 2 ปี สิงห์ เอสเตท สามารถปิดรายได้ล่าสุด (9 เดือนแรกปี 2566) ด้วยยอด 10,072 ล้านบาท โดยไตรมาส 4 คาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนผลประกอบการที่สูงที่สุดในปีได้ จากการรับรู้ยอดโอนของโครงการใหม่ “สริน ราชพฤกษ์สาย 1” ที่มีมูลค่า 3,800 ล้านบาท และภาคธุรกิจโรงแรม ยังมีแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก

“ฐิติมา” ย้ำว่า มีความมั่นใจที่จะทำตามเป้าหมาย กับการสร้างรายได้ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์และวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเติบโตในระยะยาว พร้อมด้วยด้วยปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยพันธสัญญาต่อลูกค้า คู่ค้า สังคม และการดูแลสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินที่ดี ซึ่งก็คือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางที่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG นั่นเอง

 ซีอีโอ สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า การทำงานใน 4 กลุ่มธุรกิจของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจที่อยู่อาศัย ธุรกิจอาคารสำนักงาน ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและอื่นๆ แต่ละกลุ่มธุรกิจมีเนื้อหาที่ต่างกัน ปี 2567 สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าต่อด้านความยั่งยืน ภายใต้แนวทาง ESG ซึ่งจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กันทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ

 “ESG วันนี้มันเป็นเรื่องขององคาพยพ และมันคือส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ เราไม่ได้บอกว่าตัวเองเชี่ยวชาญ แต่ในฐานะที่ทำมานาน และเข้าใจในเนื้อหาการทำธุรกิจ เราถูกอบรมสั่งสอน ถูกเทรนด์กันมาว่า ทำธุรกิจจะคิดแค่กำไรขาดทุนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคิดในมุมของ ESG ด้วย ว่าในสิ่งที่เราทำ ซื้อที่แปลงหนึ่ง มันจะกระทบกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร กระทบกับสังคมรอบข้างอย่างไร เรื่องเหล่านี้ต้องนำมาคิดพัฒนาร่วมกัน”

ยกตัวอย่าง เรื่องการก่อสร้าง ไม่ใช่ดูแค่เรื่องบ้านเขียวอย่างเดียว กระบวนการต้องได้ ต้องกรีน ซื้อของก็ต้องมองว่าแหล่งที่มาของวัสดุให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้แค่ไหน ในกระบวนการก่อสร้าง ก็ต้องดูว่า ไม่มี Zero Waste ในการออกแบบ วางแผน ต้องคิดให้เป็นกรีนคอนเซ็ปท์ให้ได้ มันเป็นเรืื่องที่เราทำอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เราไม่ได้ทำคนเดียวแล้ว เราทำทั้งกับพาร์ทเนอร์ ซัพพลายเออร์ ผู้ร่วมงาน เพราะฉะนั้น มือของเราจะเยอะขึ้น และจะเข้าใจว่า สิงห์ เอสเตท ทำไปเพื่ออะไร เราทำไปเพื่ออนาคต

 “ฐิติมา” เล่าว่า สิงห์ เอสเตท เริ่มการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และต่อจากนี้จะเน้นและให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น ทุกธุรกิจของสิงห์ เอสเตท จะมีพาร์ทเนอร์ ซัพพลายเออร์ แต่ละคนมีความพร้อมไม่เท่ากัน แต่จะพัฒนาไปด้วยกัน ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และจะปฏิบัติไปตามบริบทของของแต่ละประเทศที่เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่แต่ละประเทศจะมีเป้าหมายแตกต่างกันไป ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ รวมถึงการเตรียมตัวรองรับกติกาใหม่ๆ ของโลกที่จะเกิดขึ้น

 “เมื่อเราเริ่มมาก่อน ความร่วมมือความเข้าใจ จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น สิ่งที่เราจะเน้น คือจะทำให้ครอบคลุม เรื่องสิ่งแวดล้อมเราเริ่มจากการทำกับทะเล แต่ตอนนี้ เราทำทั้งในน้ำ บนบก อากาศ ตอนนี้ทำทั้งสิ่งแวดล้อมของอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย นิคมอุตสาหกรรม ปีหน้าสิ่งที่จะเน้นมากขึ้นคือ ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ไม่ใช่เแค่เรื่องมารีนอย่างเดียว”

 ซีอีโอ สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า ด้วยบทบาทของผู้นำ เวลาพี่พูดเรื่องความยั่งยืน มันไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่มันคือความยั่งยืนของการทำธุรกิจ ธุรกิจทำโดยไม่มีสิ่งแวดล้อมไม่ได้ สิ่งแวดล้อม ก็ไม่ใช่แค่ต้นไม้ ปลา นก แต่มันหมายถึงชุมชน พนักงาน ลูกค้า นั่นคือสิ่งแวดล้อมของเราทั้งหมดและต้องมีความต่อเนื่องกระบวนการ ต้องเริ่มตั้งแต่คิด พยายามลิงค์ทุกอย่างเข้าไปในแต่ละโปรเจ็กต์ เรื่องเหล่านี้ มันคือ นโยบาย มันเป็นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ ของสิงห์ เอสเตท เวลาคิดไม่ได้คิดกำไรขาดทุนเท่านั้น

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,952 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566