ขึ้นค่าแรง450บาท ไร้ข้อสรุป “พิธา”เสียงอ่อยอาจปรับทามไลน์

31 พ.ค. 2566 | 10:06 น.

“สนั่น”ประธานหอการค้าฯ โยนคณะกรรมการร่วมหารือค่าแรง 450 บาทต่อวัน หลังยังไร้ข้อสรุป ด้านพิธา เสียงอ่อนขึ้นค่าแรง450บาทใน100วันอาจะมีปรับทามไลน์

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะผู้บริหารพรรคก้าวไกล ว่า การประชุมหารือในครั้งนี้ ได้มีการพูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยข้อมูลทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่ต่างกันแต่ไม่มาก เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลา อาจจะต้องมีการหารือในรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝั่งยังตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าในทุกประเด็นที่มีการหารือ ซึ่งทั้ง 2 ก็มีการตั้งทีมขึ้นมาติดตาม ซึ่งจะมีนัดหารือกันในครั้งต่อไป โดยเฉพาะประเด็นค่าแรง ส่วนประเด็นเร่งด่วนหลังหารือนอกจากประเด็นนี้ ก็ยังมีอีก พลังงาน การดูแลภาคเกษตร และการต่อลมหายใจให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงเดินหน้าได้

“หลังการหารือก็มีความสบายใจ ถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจน แต่ก็อยากให้มีการเร่งจัดตั้งรัฐบาลและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และจากการพูดคุยก็คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2566 จัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่าย เนื่องจากห่วงระยะเวลาในการการเบิกจ่ายที่จำกัด เบิกไม่ทัน ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงต่างชาติก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า  ประเด็นการขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วัน ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลที่มีการหาเสียงไว้ จากการหารือกับหอการค้าไทย การขึ้นค่าแรงน่าจะมีกรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับระยะเวลาเดิม หรือขยับออกไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการหารือตัวเลขค่าแรงที่เหมาะสมก่อน และกรณีหากมีการขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อราคาสินค้าปรับขึ้นนั้น จากการศึกษาไม่จำเป็นเสมอไปที่ราคาสินค้าจะขึ้นจากปรับค่าแรง และการปรับขึ้นค่าแรงเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน แต่ทั้งนี้ทามไลน์ที่ทางพรรคหาเสียงไว้หากได้เป็นรัฐบาลจะปรับค่าแรง450บาท ทันทีใน100วันอาจจะมีการปรับเปลี่ยนซึ่งต้องมีการคุยรายละเอียดกับภาคเอกชนอีกหลายรอบ