ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ คืออะไร ทำไมเอกชนมองว่าดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

29 พ.ค. 2566 | 03:15 น.

รู้จัก “ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ” คืออะไร ทำไมเอกชนจึงมองว่าดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ของบรรดาพรรคการเมืองที่หยิบยกมาใช้ในการหาเสียงโกยคะแนน ล่าสุดมีอัตราสูงแค่ไหนกับผู้ที่อยู่ในแต่ละอุตสาหกรรม

การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วันแรก หนึ่งในนโยบายหลักในการหาเสียงของ พรรคก้าวไกล พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนอย่างมาก เพราะเป็นการปรับขึ้นจากค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบัน 328 -354 บาทต่อวัน ถึง 30% จนทำให้เกิดการกระชากต้นทุนการผลิตอย่างรุนแรง 

ภาคเอกชนที่เป็นนายจ้างเห็นตรงกันว่า นโยบายปรับขึ้นค่าแรงของไทยในขณะนี้ควรนำนโยบายการจ่าย "ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ" (Pay by Skill) ที่ปัจจุบันมีค่าจ้างสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำมาใช้จะเหมาะสมมากกว่า เพราะเป็นค่าจ้างที่วัดจากระดับฝีมือ ความรู้ความสามารถของแรงงาน นายจ้างสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ ลูกจ้างก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข

 

ถาพประกอบข่าว “ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ” คืออะไร

ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ คืออะไร?

อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ หมายถึง อัตราค่าจ้างที่คณะกรรมการค่าจ้างกำหนดขึ้นในแต่ละสาขาอาชีพ ในแต่ละสาขา และในแต่ละระดับตามมาตรฐานฝีมือ โดยมีข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ความสามารถ และทัศนคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาต่าง รวม 17 สาขา 

การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ประกอบด้วย ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 5 คน 

การพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมืออยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ผลการพิจารณาจะนำไปสู่ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้างสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ลูกจ้างสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข ซึ่งเมื่อศึกษาและพิจารณาข้อมูลตามหลักเกณฑ์จะเห็นได้ว่า แต่ละสาขาอาชีพมีมาตรฐานฝีมือที่แตกต่างกัน 

ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมที่จะกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่แตกต่างกันตามมาตรฐานฝีมือในแต่ละสาขาอาชีพ ในแต่ละสาขา และในแต่ละระดับนั้น ๆ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จะคุ้มครองลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับ ให้ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมและเป็นธรรม

 

ภาพประกอบข่าว อัตราค่าแรงขั้นต่ำ แต่ละประเทศในอาเซียน

ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ มีประโยชน์ยังไง

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สรุปการกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ มีเป้าหมายเพื่อให้แรงงานกึ่งฝีมือ และแรงงานฝีมือได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม จูงใจให้แรงงานพัฒนาฝีมือให้เป็นที่ยอมรับ เพิ่มหลักประกันรายได้รวมทั้งเพิ่ม ความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ 

อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่จะสนับสนุนแรงงานได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นตามระดับทักษะ ทำให้ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน จึงมีนัยที่แตกต่างกับค่าจ้างขั้นต่ำ ใกล้เคียงกับค่าจ้างเฉลี่ยของแรงานที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย อาชีวศึกษา และวิชาชีพชั้นสูง ที่มีค่าจ้าง เฉลี่ยอยู่ที่ 12,228 บาทต่อเดือน 14,396 บาทต่อเดือน และ 15,624 บาทต่อเดือนตามลำดับ 

สศช.เห็นว่าการกำหนดให้ค่าจ้างตามทักษะ จะเป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาทักษะของแรงงาน และช่วยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น การสนับสนุนให้แรงงานได้รับการฝึกอบรมและทดสอบเพื่อ เพิ่มระดับทักษะในบางสาขา โดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือเพื่อให้แรงงานได้รับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นตามระดับทักษะที่สูงขึ้น 

โดยทักษะที่ใช้ในการพัฒนาจะต้องมีความเฉพาะ สอดคล้อง และเป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพการทำงานของแรงงาน รวมทั้งบูรณาการหลักสูตรการฝึกอบรม และทดสอบสมรรถะแรงงานของแต่ละหน่วยงานที่มีการรับรองมาตรฐานทักษะแรงงานให้มีความเชื่อมโยงกับอัตราค่าจ้าง

เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และองค์กรภาคเอกชน อีกทั้งจะต้องเร่งส่งเสริมให้แรงงานให้ความสำคัญกับการทดสอบฝีมือแรงงาน เพื่อให้ได้การปรับเพิ่มค่าจ้างที่เหมาะสม ซึ่งภาครัฐอาจต้องกระจายบทบาทการทดสอบไปสู่ภาคีเครือข่ายหรือภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การจัดสอบมีความเพียงพอและการสนับสนุนค่าทดสอบให้มีราคาที่ไม่สูงเกินไป รวมถึงการกวดขันสถานประกอบการให้จ่ายค่าจ้างอย่างถูกต้อง

อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 2566

ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 12) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป มีอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ โดยสรุปดังนี้

  • สาขาอาชีพภาคบริการ 440 - 825 บาทต่อวัน
  • สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ 410 - 660 บาทต่อวัน
  • สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ 440 - 855 บาทต่อวัน
  • สาขาอาชีพช่างก่อสร้าง 405 - 685 บาทต่อวัน
  • สาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ 345 - 825 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 400 - 540 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ 440 - 530 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 440 - 530 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณี 465 - 605 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ 375 - 550 บาทต่อวัน
  •  กลุ่มอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ 495 - 605 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ 410 - 595 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก 470 - 640 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก 405 - 515 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ 350 - 455 บาทต่อวัน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า 395 - 450 บาทต่อวัน

 

ภาพประกอบข่าว อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 2566 ของไทย แยกตามสาขาอาชีพ