ทุบโชว์ละเมิดสิทธิ์ 550 ล้าน สร้างเชื่่อมั่นคู่ค้า

“จุรินทร์” โชว์ทำลายของกลาง ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กว่า 10ล้านชิ้น มูลค่า550ล้านบาท เน้นสร้างความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจในไทย พร้อม คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากเป็นประธานทำลายของกลาง ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 10ล้านชิ้น มูลค่ากว่า550ล้านบาทว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพัฒนา ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา  สำหรับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา    

ทั้งนี้ของกลางที่จะนำมาทำลายมีจำนวนมากถึง 10,620,825 ชิ้น  หากคิดเป็นมูลค่าตามราคาของจริงประมาณ 550 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และพยายามดำเนินการป้องกันไม่ให้ของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถูกนำกลับมาขายในตลาดได้อีก  โดยมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และผู้แทนหน่วยงานของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้การปราบปรามสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญหาได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการปราบปรามและจับกุม ซึ่งแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่มีทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets) รวมไปถึงการเข้มงวดป้องปรามการนำเข้าหรือออกทางช่องทางผ่านแดน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท ทั้งนี้มั่นใจว่าการทำลายสินค้าละเมิดในครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาทั้งไทยและต่างประเทศ