วัคซีนโควิด “แอสตร้าฯ” ยันป้องกันสายพันธุ์ “เดลตา-แคปปา” ได้  

23 มิ.ย. 2564 | 06:15 น.

"แอสตร้าฯ" จับมือ "ม. ออกซ์ฟอร์ด" เผยผลการศึกษาล่าสุดยืนยันประสิทธิภาพวัคซีนโควิดของบริษัท สามารถป้องกัน "เดลตา-แคปปา" 2 ไวรัสกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย

“แอสตร้าเซนเนก้า” ประกาศผลการศึกษาล่าสุด ท่ามกลางความคลางแคลงใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ “วัคซีนโควิด” ที่มีอยู่ว่าจะสามารถป้องกัน ไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้หรือไม่ โดยเฉพาะ สายพันธุ์เดลตาและแคปปา ค้นพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย แต่ขณะนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้วรวมทั้งไทยและอาเซียน 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัท แอสตร้าเซนเนก้าที่ร่วมพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า วัคซีนที่บริษัทผลิตนั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (Delta) และแคปปา (Kappa) หรือที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.617.2 และ B.1.617.1 ตามลำดับ ทั้ง 2 สายพันธุ์ตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย ในอดีตถูกเรียกรวม ๆกันว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย

ผลการศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อ้างอิงผลการวิเคราะห์ของสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) ระบุว่า วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้า สามารถป้องกันอาการป่วยหนักที่ถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้มากกว่าร้อยละ 90 หลังจากได้ตรวจสอบความสามารถของโมโนโคลนอลแอนติบอดี ในตัวอย่างเลือดของผู้ที่หายจากอาการป่วยแล้ว รวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาและแคปปา

ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) ว่า สายพันธุ์เดลตากำลังจะกลายเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลก และสหรัฐอเมริกาก็ประกาศว่า นี่คือสายพันธุ์ที่เป็น “ภัยคุกคามใหญ่ที่สุด” สำหรับสหรัฐ โดยในกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระยะหลัง ๆนี้ ตรวจพบเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 20%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง