“เศรษฐา”แฉกลับชูวิทย์โกรธเคือง“แสนสิริ”ไม่ซื้อที่ดินสุขุมวิท 24 (มีคลิป)

18 ส.ค. 2566 | 05:36 น.

“เศรษฐา ทวีสิน” โพสต์คลิปแฉกลับ “ชูวิทย์” โกรธเคือง “แสนสิริ”ไม่ซื้อที่ดินซอยสุขุมวิท 24 ต้นเหตุออกมากล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ บิดเบือนให้เสียหาย ปมจัดซื้อที่ดิน-ตั้งนอมินี ยันรซื้อขายที่ดินถูกต้องตามก.ม. ไม่เคยแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 ส.ค. 66 ) เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่คลิปทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงเหตุผลในการเข้าสู่การเมือง และชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องซื้อขายที่ดิน ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สมัยเป็นผู้บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า 


"สวัสดีครับ 

ผมเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ในการทำธุรกิจของผม เป็นที่รับทราบและยอมรับของสังคมมาโดยตลอด วันนี้ผมออกมาพูดในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัท แสนสิริ และในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
 

 

บริษัท แสนสิริ ผ่านพ้นวิกฤตมาหลากหลายรูปแบบ  ทีมงานทุกคนบริหารงานอย่างโปร่งใส ในรูปแบบของคณะกรรมการ  ตามข้อบังคับของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ เราทำงานตามหลักธรรมาภิบาล แสนสิริเติบโตในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคงเข้มแข็ง ไม่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหา หรือแม้กระทั่งตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ในการทำงานและการประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด 

ผมออกมาวันนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริง และตอบคำถามของสังคมในกรณีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริและเรื่องนอมินี ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหาร

 

ผมยืนยันว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการบริษัท เราดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ  หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่ คุณชูวิทย์ นำมากล่าวอ้าง   ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนให้เกิดความเสียหาย

ในทุก Episode ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นำมาสร้างกระแสนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงสารสิน หรือที่ดินซอยทองหล่อ เป็นเรื่องเเบบเดียวกัน คุณต้องยอมรับว่าแสนสิริ ในฐานะผู้ซื้อ ทำธุรกรรมกับผู้ขายรายต่างๆ โดยชำระค่าที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อและผู้ขายมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกัน 

รวมทั้งหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทแสนสิริ คือ ผู้ซื้อ  ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของฝ่ายผู้ขายได้ในทุกขั้นตอน  ฝั่งผู้ซื้อ ไม่มีนอมินี ไม่มีการปล่อยกู้ให้ผู้ขาย  ความจริงเป็นการจดจำนองเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาและห้ามผิดสัญญาของบริษัทผู้ขาย  และประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท  มีหลักฐานชัดเจน

ผมยืนยันไม่มีการทำสัญญากู้ครับ อีกทั้ง ไม่มีการสมคบคิดใดๆ  และไม่เคยมีเงินทอนใดๆ กลับมาที่ผม หรือ พนักงานแสนสิริคนไหนทั้งสิ้น  

แปลงโครงการคุณ บาย ยู มูลค่าที่ดินราคา 1,100,000 บาทต่อตารางวา เป็นราคาที่ถือว่าดีมาก  ราคานี้ไม่มีเงินทอนให้ใครหรอกครับ  ขอย้ำอีกครั้งว่า คุณชูวิทย์ต้องแยก ผู้ขาย กับ ผู้ซื้อให้ได้  อย่าบิดเบือน  และแสนสิริไม่มีนอมินีแน่นอน  หลังจากนี้คุณจะพูดเรื่องที่ดินอีกกี่แปลงก็ได้ คุณต้องแยกผู้ขาย กับผู้ซื้อให้ชัดเจน 

คุณชูวิทย์ ต้องใช้ความจริงที่ไม่บิดเบือน  คุณโกรธเคืองที่บริษัทไม่ซื้อที่ดินคุณที่ซอย สุขุมวิท 24 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เราตกลงกันจากราคา 2,000 ล้าน เหลือ 1,800 ล้าน แต่ที่ดินคุณมีเงื่อนไขติดพันธ์กับบริษัท ไรมอนแลนด์ แสนสิริไม่สามารถซื้อที่ดินที่มีนิติกรรมซ้อนได้ คุณไม่พอใจ แต่เพราะเงื่อนไขของที่ดินคุณเอง แสนสิริเป็นบริษัทมหาชน ผมทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 100%  และไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย และรวมถึงไม่ผิดจริยธรรมใดๆ 

ผ่านมา 10 เดือน ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว จนมาถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา  ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ข่าวออกเรื่องมติพรรคเสนอชื่อผมในสภาเพื่อเป็น นายกรัฐมนตรี  ผมโดนข่มขู่  คุณฝากข้อความผ่านคนใกล้ชิดของคุณมาสั่งให้ผมมัดจำเงิน  เพื่อซื้อที่ดินของคุณ และทำ MOU แบบไม่มีเงื่อนไขในการซื้อขายที่ดินกับคุณ  ผมไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่มีสิทธิ์มาข่มขู่ผม 

คุณติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกผมว่าคุณจะแฉผม  และทำทุกอย่างเพื่อให้ผมไม่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี  แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ  ให้ผมตกลงซื้อที่ดินราคา 2,000 ล้านทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข  ไม่งั้นคุณชูวิทย์จะเดินหน้า Discredit และด้อยค่าผมต่อไป   

                         “เศรษฐา”แฉกลับชูวิทย์โกรธเคือง“แสนสิริ”ไม่ซื้อที่ดินสุขุมวิท 24 (มีคลิป)

คุณชูวิทย์บิดเบือนไปถึงเรื่อง Digital Wallet  ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านโยบายนี้จะเป็นการฟอกเงินผ่านทาง coin อะไรเลอะเทอะไปหมด  ผมขอให้คุณชูวิทย์ อย่าได้เอาเรื่องนโยบาย Digital Wallet ของพรรคเพื่อไทยมาโจมตีอย่างไม่มีหลักการ  

โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี  มีผลประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้เป็นจำนวนมากกว่า 50 ล้านคน  และเป็นนโยบายสำคัญที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ทำให้ประเทศนั้นสามารถพลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง และงบประมาณทั้งหมดจะถูกส่งตรงไปยังประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป 

การที่ผมพูดความจริงในครั้งนี้ ผมรู้ว่าคุณชูวิทย์ต้องไม่พอใจและอาจจะไปฟ้องศาล ผมก็พร้อมที่จะนำพยานหลักฐานไปสู้คดีกับคุณชูวิทย์ในศาลต่อไป  

ผม เศรษฐา ทวีสิน  ชีวิตผมตรวจสอบได้หมดทุกอย่าง  ลูกผมมีงานที่ดีทำทุกคนผมไม่มีอะไรต้องห่วง         
ทุกคนเตือนผมว่าอย่าลงการเมือง มันเปลืองตัว  ผมขอบคุณในความหวังดีของทุกคน

แต่ผม  เศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติ และเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ  ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำ  จนถึงวันนี้  ผมมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม 

ผมย้ำอีกครั้ง....   ศัตรูของผม....คือความยากจน และความไม่เสมอภาคของประชาชน  เป้าหมายของผม คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน  

ขอบคุณครับ"

 

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

 

ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. นายเศรษฐา ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีเผยแพร่คลิปชี้แจงการบริหารงานบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาจากนายชูวิทย์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่สารสิน และโครงการคุณบายยู หรือที่ซอยทองหล่อ ยืนยันว่าแสนสิริเป็นผู้ซื้อ ทั้งหมดนี้ทำงานอย่างถูกต้อง ไม่มีเงินทอนให้กับใครทั้งสิ้น

รวมทั้งไม่มีการให้กู้ยืม และไม่มีนอมีนี เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีส่วนร่วมกับผู้ขายในการบริหารจัดการภาษี โดยเรื่องภาษีเป็นหน้าที่ของผู้ขายทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้ยืนยันหลายครั้งแล้ว และตนก็ไม่ใช่นักการตลาดไม่ใช่นักแฉ ทำงานมาตลอดด้วยความซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ใจ

“อยากจะกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย โดยยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ทำงาน ที่บริษัทแสนสิริ กว่า 30 ปี โปร่งใส มุ่งมั่นในการนำพาบริษัทไปสู่ความเจริญ และยึดมั่นตามหลักธรรมาภิบาลให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ทำให้แสนสิริฝ่าวิกฤต มาหลายครั้ง จนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของคนในหมู่มาก มีบริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก ที่ปรึกษากฎหมายที่ดี มีคณะกรรมการการตรวจสอบที่มั่นคง”

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องของนายชูวิทย์ ไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูดว่าทั้งหมดเกิดขึ้นภายหลังจากที่ตนได้ถูกเสนอชื่อเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ประมาณเดือนกรกฎาคม 2565 ก็มีคนได้ติดต่อเข้ามา ผ่านนายชูวิทย์ ว่าอยากให้ซื้อที่ เคยคุยกันไว้คือที่ซอยสุขุมวิท 24

โดยเมื่อกันยายนปีที่แล้ว ได้มีการคุยกันเรื่องซื้อสาย ต่อรองราคากัน 2,000 ล้านบาท เหลือ 1,800 ล้านบาท มีข้อตกลงอย่างชัดเจน และนายชูวิทย์ได้พาลูกมาด้วยเป็นสักขีพยาน แต่ไปพบว่ามีการวางมัดจำไว้แล้ว โดยบริษัทอื่น บริษัทแสนสิริ จึงไม่สามารถทำนิติกรรมซ้อนได้ 

จนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่มีชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายชูวิทย์ได้ติดต่อผ่านผู้ใหญ่มาหลายคนว่า ให้ตนกลับไปซื้อที่ดินแปลงนี้ราคา 2,000 ล้านบาท และข้อเท็จจริงคือตนได้ออกมาจากบริษัทแสนสิริตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว ตนไม่มีอำนาจในการบริหารบริษัทแสนสิริ และไม่มีอำนาจสั่งการให้ใครไปซื้อที่ในนามบริษัทแสนสิริ และบอกว่าถ้าไปซื้อมาจะไม่มีการแฉ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมบิดเบือนความจริง ตนได้รับความเสียหาย ซึ่งหากหลังจากนี้นายชูวิทย์มีการฟ้องร้องตนก็พร้อมต่อสู้ดำเนินการต่อไป 

 

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า เรื่องเงินดิจิตอลวอลเล็ต ที่นายชูวิทย์ได้พูดถึง โดยกล่าวหาว่ามีการรับเงินทอน 5% ตนมองว่าเลอะเทอะ นี่คือโครงการที่ดี ไปถึงที่จ่ายเงินตรงจากรัฐบาลไปถึงพี่น้องประชาชน เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะกอบกู้เศรษฐกิจขึ้นมา ทำให้เกิดการจ้างงานการผลิต ประชาชนมีเงินเยอะขึ้น การที่นายชูวิทย์ เอามาพูดอย่างไม่มีหลักการ และที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ก็ได้แถลงข่าวอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ว่าที่มาที่ไปของเงินนี้เป็นอย่างไร 

“ตอนที่ตนได้เดินเข้ามาในเวทีการเมือง เมื่อตอนต้นเดือนมีนาคมก็มีผู้ใหญ่หลายท่านเตือน ได้ข่าวหวังดีว่า ว่าจะเจอเรื่องอะไรเยอะ ๆ แต่ไม่มีความคาดคิดเลยว่าจะเจอเรื่องเลอะเทอะและบิดเบือนเกิดความจริงมากมายขนาดนี้ แต่ในเมื่ออาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำให้ได้ มุ่งมั่นเดินหน้าเป็นคดีเด็ดของพรรคเพื่อไทยต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว