ด่วน! 'ก้าวไกล' ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว.

14 ก.ค. 2566 | 04:54 น.

ด่วน! 'ก้าวไกล' ยื่นแก้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา272 บ่ายนี้ปิดสวิตช์ สว.ยกเลิกอำนาจ สว.ในการเลือกนายกฯ ต่อรัฐสภา หลัง "พิธา" พ่ายโหวตรอบแรก นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ่ายโหวตรอบแรก นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ค.66)  เวลา 15:00 น. มีรายงานข่าวว่าพรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ม.272 ยกเลิกอำนาจ สว.ในการเลือกนายกฯ ต่อรัฐสภา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความระบุว่า ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า

[แก้ 272 ปิดสวิทช์ ส.ว. หากพวกเขายังไม่ยอมอีก ก็ถอยมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน]

หมายเหตุ - นี่คือความเห็นส่วนบุคคลต่อประเด็นการเมือง สาธารณะ ผมใช้เสรีภาพแสดงความเห็นในฐานะพลเมืองไทย ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพรรคก้าวไกลและไม่ได้ชี้นำ ครอบงำ สั่งการพรรคก้าวไกล ดังนั้น พวก “นักร้อง” ไม่ต้องไปร้องให้เสียเวลานะครับ

 

ผมติดตามการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาแต่ละฝักฝ่ายในการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า

มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมาก ทั้งที่ออกหน้ากล้าลงคะแนนไม่เห็นชอบ และทั้งที่ไม่กล้าออกหน้า เลือกงดออกเสียงหรือไม่มาประชุมแทน

พวกเขาเหล่านี้ ให้ตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจกลับมาลงคะแนนเห็นชอบให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

หากเราลองฟังเหตุผลของ ส.ว.และ ส.ส.อีกข้างหนึ่ง จำนวนหลายคนที่ได้อภิปรายในวันที่ 13 ก.ค. พวกเขาต่างยืนยันว่า ไม่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ พรรคก้าวไกลต้องการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

วิทยา แก้วภราดัย

ชาดา ไทยเศรษฐ์

ชัยชนะ เดชเดโช

คำนูณ สิทธิสมาน

เสรี สุวรรณภานนท์

สมชาย แสวงการ

ต่างก็ยืนยันว่า ติดขัดอยู่เรื่องนี้แหละ วิทยา กับ ชาดา ถึงขนาดบอกว่า ก็รู้อยู่ว่าติดอยู่เรื่องนี้ ทำไมไม่ถอยเสีย

ในขณะที่พรรคก้าวไกล ก็ยืนยันว่า นี่คือนโยบายที่ได้รณรงค์หาเสียงกับประชาชนมาแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการต่อ แต่ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะเสนอร่างเข้าสภา มิใช่เป็นเรื่องของรัฐบาล

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่ ส.ส.และ ส.ว.เหล่านี้ จะเปลี่ยนใจได้เลย

เว้นแต่ มี “ข้อมูลใหม่/สัญญาณใหม่” บังคับให้พวกเขาเปลี่ยนใจ หรือ มีมวลชนอันไพศาลออกมาเรียกร้องกดดัน ส.ว. หลายแสนคน

หากไม่มีกรณีเหล่านี้เกิดขึ้น ลงคะแนนต่อไปอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะกลับมาเห็นชอบให้พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

จริงอยู่… อาจบอกกันว่า ก็ลงมติกันไปเรื่อยๆ รอจนอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 272 หมดลงใน พ.ค.ปีหน้า

แต่พรรคก้าวไกลจะทนแรงเสียดทาน ลากไปให้ถึงวันนั้นได้หรือ

ไหนจะมี “คมหอกคมดาบ” ของศาลรัฐธรรมนูญที่รอง้างไว้อยู่อีกหลายคดี

หากพรรคก้าวไกล เลือกวิธีเจรจาพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเพิ่มจำนวนเสียง ปัญหา คือ จะมีพรรคใดยอมเข้าร่วม ก็ในเมื่อพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ร่วมกับพรรคที่จะแก้ 112

พวกเขาอ้างประเด็น “112” เพื่อปิดล้อมพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ก็ไม่มีทางยอมถอยประเด็นนี้

ดังนั้น การแสวงหาคะแนนจากพรรคอื่นก็คงยาก และอาจสายเกินไปที่จะพูดคุยแล้ว

ครั้นพรรคก้าวไกลจะถอย ร่วมเสนอให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และยังร่วมรัฐบาลอยู่ ผมก็ไม่แน่ใจว่า บรรดา ส.ว. จะยอมหรือไม่ เพราะ พวกเขาน่าจะไม่ปรารถนาเห็นพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลเลยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกัน ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ฯลฯ ก็คงไม่ยอม เพราะ พวกเขาอยาก “เสียบ” เข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลมากกว่า ถึงเวลา เขาก็อ้างอีกว่า โหวตให้ไม่ได้ เพราะ รัฐบาลที่กำลังจะตั้งมีพรรคก้าวไกลที่ต้องการเสนอแก้ 112

ด่วน! \'ก้าวไกล\' ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว.

ช่วงเย็นวันที่ 14 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา พรรคก้าวไกลนำโดย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.ของพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นการแก้ไขกฎหมาย โดยยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะการที่ให้อำนาจวุฒิสมาชิกมีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว หรือเรียกว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับประชาชนหรือ ปิดสวิตช์ส.ว.

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะให้เจ้าหน้าที่สภาได้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วน ของรายชื่อ และเอกสารนี้ เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป ส่วนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไป ได้ออกหนังสือเชิญสมาชิกสภารัฐสภามาประชุมในวันที่ 19 กรกฎาคมแล้ว

นายชัยธวัช กล่าวถึงการ ยืนแก้กฎหมายในวันนี้ว่า เนื่องจากการประชุมรัฐสภาเมื่อ13 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏชัดว่ามีส.ว.จำนวนมากได้งดออกเสียง 159 คน และไม่มาประชุมอีก 43 คน ซึ่งหลายคนได้แสดงออกชัดเจนว่าตนเองไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ ใช้อำนาจทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรี และเป็นเรื่องของส.ส.

ดังนั้นเมื่อส.ว.จำนวนมากประสงค์เช่นนั้น ไม่ใช้สิทธิ์ของตนเองโดยการงดออกเสียง ก็จะนำไปสู่ทางตันทางการเมือง พรรคก้าวไกลจึงเสนอทางออกให้กับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าทางนี้จะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ของทั้งสมาชิกวุฒิสภาเองและตอบโจทย์ ในระบบรัฐสภาของไทย และเพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ เพื่อที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทั้งนี้ เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองส่วนสามารถดำเนินการคู่ขนานไปได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการไปอีกกี่ครั้ง ดังนั้นก็พยายามหาทุกช่องทางที่จะทำให้สามารถมีข้อยุติ เรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และพรรคก้าวไกลรวมถึงอีก 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็คงจะทำหน้าที่พยายามที่จะขอเสียง จากส.ว. เพิ่มมากขึ้นด้วย

ส่วนการยื่นร่างแก้ไขมาตรา272 ในวันนี้ ได้แจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยให้ทราบแล้ว และพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้อง แต่อย่างใด เพราะเราได้เตรียมร่างนี้มาสักระยะหนึ่งแล้วเพื่อนสมาชิกได้เซ็นเสนอร่างทิ้งไว้แล้ว และมีการตัดสินใจเมื่อคืนนี้ ที่จะยื่นต่อสภาในทันทีเพื่อที่จะใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเข้าใจดีว่าเมื่อเร่งรีบและต้องการให้ระยะเวลาสั้นที่สุดก็ไม่สามารถที่จะมีเวลารอให้สมาชิกจากพรรคอื่นมาร่วมเซ็นด้วยไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

การยื่นแก้กฎหมายมาตรา 272 ในครั้งนี้ ครั้งนี้จะส่งผลให้ ต่อการตัดสินใจโหวตเลือกนายพิธาของส.ว.หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง แต่เชื่อว่าไม่ได้กระทบอะไร เพราะเนื่องจากว่าส.ว.ก็ไม่ประสงค์ที่จะออกเสียงอยู่แล้ว จึงมองหาทางออกให้กับทุกฝ่าย ในเมื่อลงคะแนนงดออกเสียง 159 คน และไม่มาประชุมเลย 43 คน ดังนั้นจำนวนมากก็ควรที่จะยินดีหากไม่ต้องใช้สิทธิ์อย่างเป็นทางการเลย เพราะการไม่ใช้สิทธิ์แบบการงดออกเสียงในการโหวตนายกรัฐมนตรี เดินหน้าต่อไปได้

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นด้วยกับการยื่นครั้งนี้หรือไม่นั้น คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะร่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการเสนอไปหลายครั้ง ในสภาสมัยที่แล้ว แต่ครั้งนั้นพรรคที่เป็นฝั่งรัฐบาลเช่นพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกเสียงให้โดยตลอดเห็นด้วยกับร่างดังกล่าว ในครั้งนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรและส.ว.จำนวนมากหลายคน ก็เห็นด้วยกับร่างดังกล่าว ส.ว.หลายคนมีความประสงค์ที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นี่คือทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนถ้าส.ว.จะเอาเรื่องการแก้ไข 112 มาเป็นเงื่อนไขในการไม่ร่วมแก้ไขมาตรา 272 นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า "ไปไกล ไกลเกินกว่าที่จะโยง เพราะเรื่องนี้เป็นการหาทางออกให้ทุกฝ่ายสบายใจ ในเมื่อมีมโนธรรมสำนึกในใจว่าไม่สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้ท่านกระทำการอะไรที่ไม่ขัดกับมโนธรรมสำนึกของท่าน ก็ยกเลิกมาตรานี้สะ และคืนอำนาจการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นของประชาชน เมื่อตัดสินประชาชนตัดสินใจไปแล้วจะถูกจะปิดก็ไม่เกี่ยวกับส.ว. พร้อมย้ำว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด"

นายชัยธวัช ยังกล่าวว่าไม่กังวล ว่าการยื่น แก้ไขมาตรา 272 จะพาพรรคก้าวไกลไปสู่ฝ่ายค้าน เพราะเราต้องการทำตามความประสงค์ของส.ว.จำนวนมากและไม่เกี่ยวกันกับการโหวตนายกรัฐมนตรี และต้องไปถามส.ว. ว่าในเมื่อไม่ประสงค์ที่จะโหวตนายกรัฐมนตรี จะเห็นด้วยหรือไม่กับร่างดังกล่าว

ส่วนข้อกังวลที่ว่าระยะเวลาในการแก้กฎหมายอาจจะยาวนาน และไม่ทันกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัชกล่าวว่าการแก้กฎหมายไม่ยาวนานขนาดนั้น เพราะเนื้อหาสาระไม่ได้มีอะไรมากนอกจากการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วได้ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะใช้เวลาอีกกี่ครั้ง ดังนั้นเราจะว่าพยายามที่สุดที่จะหาทางเลือกใหม่ๆให้กับสังคมไทย และคาดหวังว่าสมัยประชุมนี้ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะมีจุดยืนเช่นเดิม แม้ในขณะนี้จะไม่มีฝ่ายค้านก็ตาม ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา

สำหรับส.ว.ที่งดออกเสียงอาจเป็นเพราะอคติ ต่อพรรคหรือต่อนายพิทักษ์ก็ได้ ไม่ใช่อยากปิดสวิตช์ตนเอง นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่าตนทราบว่าส.ว.ที่งดออกเสียง ไม่ได้หมายความว่าต้องการจะปิดสวิตช์ตัวเองทั้งหมดแต่น่าจะมี 1 ใน 3 ที่มีความประสงค์ที่จะไม่ใช้เสียง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจริงๆ 

พร้อมกันนี้นายชัยธวัช กล่าวถึงการที่สว. ยกข้อบังคับที่ 41 ที่ว่าไม่ให้มีการเสนอญัตติซ้ำ ซึ่งการเสนอนายพิธาอีกครั้งในการบวชครั้งต่อไปจะขัดต่อข้อบังคับนั้น ว่า  เป็นการตีความผิดผิด ไม่สามารถเอาวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีซึ่งกำหนดไว้ แยกเป็นการเฉพาะอยู่ในรัฐธรรมนูญ ไปรวมตีความรวมเป็นญัตติทั่วๆไป เหมือนญัตติอื่นๆในสภาได้ ดังนั้นต้องแยกออกจากกัน ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันแล้วและเห็นตรงกันว่าไม่สามารถตีความข้อบังคับแบบนั้นได้ และไม่กังวลว่าส.ว.จะนำข้อบังคับ 41 นี้เข้ามาตีรวนในสภาจนไม่สามารถ เสนอนายพิธาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปได้  

ส่วนถ้าเพื่อไทยจะเสนอแคนดิเดตของตนเองนั้น ตนคิดว่าก้าวไกลยังมีสิทธิ์ที่จะเสนออยู่ 

สำหรับที่มีแกนนำ หลายจังหวัดให้พักก้าวไกลถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อรักษาไว้ในนโยบายอื่นๆนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ถ้าเป็นความเห็นจากแกนนำในพรรคในแต่ละจังหวัดหรือส.ส.พรรคคงมีกระบวนการหารือกันแต่เบื้องต้นพยายามทำความเข้าใจก่อนว่า เรื่องนี้เป็นข้ออ้างบังหน้าเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ได้เห็นข้อความ ที่ส่งกันใน LINE ของส.ว.ที่อ้างว่า "ให้ระวังไว้ว่านายพิธาจะประกาศในรัฐสภาว่าจะไม่แก้ 112 แล้วแต่ขออย่าให้เชื่อ อย่าให้ถูกหลอกเพราะพวกเขามีวัตถุประสงค์ ในทางไม่ดี...." และในการประชุมรัฐสภาก็มีส.ว.บางคน ที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณที่ระบุว่า "ต่อให้นายพิธาประกาศว่าไม่แก้ 112 ก็ไม่เชื่อ เพราะมีความเลวร้ายอื่น อีก..." ไม่มีเรื่องนี้ก็มีเรื่องอื่น สำหรับส.ว.จำนวนหนึ่ง ต้องทำความเข้าใจว่าเหตุผลที่แท้จริงคือมีกลุ่มขั้วอำนาจเดิม ยังพยายามที่จะพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลโดยร่วมมือกับกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนที่ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเพราะไม่ต้องการเสียผลประโยชน์จากนโยบายของเรา ดังนั้นจึงพยายามทุกวิธีทาง ทั้งผ่านรัฐสภาหรือผ่านกระบวนการอื่นๆ รวมถึงข้อสงสัยเรื่องการทำงานขององค์กรอิสระบางองค์กรด้วยเพื่อเป้าหมายเดียว 

นายชัยธวัช ปฏิเสธว่าเรื่องของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คงไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล ตนยังเชื่อว่ายังมีอีกหลายพรรคการเมือง ที่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หวังว่าพรรคการเมืองเหล่านั้นจะยังรักษาหลักการและจุดยืน ไม่โหวตให้พลเอกประวิตร แม้ตนเองจะยังไม่ได้ร่วมรัฐบาลปัจจุบัน เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารไม่ได้ 

“สำหรับส.ว.คงไม่มีข้ออ้างใด ในการฝืนมติมหาชน แต่ในสัปดาห์ต่อมาเปลี่ยนมาเลือกแคนดิเดตนายกจากฝ่ายเสียงข้างน้อย อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ผมคิดว่าควรโหวตคืนอำนาจตามการเสนอยกเลิกมาตรา 272 ที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราอาจมีรัฐบาลหรือมีนายกเร็วขึ้นจากเสียงข้างน้อย แต่เป็นความเร็วขึ้นที่ไม่เห็นอนาคตเลย ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีอายุเท่าไหร่”  นายชัยธวัชกล่าว

ส่วนกังวลว่าจะมีเกมการเมืองที่จะทำให้พรรคก้าวไกลพลิกขั้วไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่   นายชัยธวัชขอตอบแบบนายพิธาว่า “อย่าเปิดประเด็นใหม่” 

พร้อมไม่ขอบอกรายละเอียดการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในเย็นวันนี้ 

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ ถึงระยะเวลาในการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี  ว่าประเด็นสำคัญคือพรรคก้าวไกลยังไม่ยอมแพ้ เราต้องการเพียงคืนความปกติให้ระบอบประชาธิปไตยของไทย เพื่อให้อำนาจอธิปไตยยังเป็นของประชาชน และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกในความพยายามครั้งนี้ และพรรคก้าวไกลได้ตกลงกับอีก 7 พรรคแล้วว่าจะพยายามเสนอชื่อนายพิธาต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ รวมถึงการยกเลิกมาตรา 272 ในครั้งนี้ 

ส่วนการประชุมร่วมกันของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไมยในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าหากการเสนอชื่อนายพิธาถึงทางตัน อาจมีการเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน