“เรืองไกร” เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม กกต. ปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อ ITV

29 พ.ค. 2566 | 04:34 น.

“เรืองไกร” เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม กกต. ปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อ ITV ว่าทำผิดขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือไม่ พร้อมให้ตรวจสอบเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ตั้งแต่การสมัครรับเลือกตั้งปี 62 หรือไม่

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบการถือหุ้นสื่อ ITV จำนวน 42,000 หุ้น ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกระทำผิดขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือไม่ พร้อมขอให้ตรวจสอบนายพิธา ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) มาตั้งแต่การสมัครรับเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่

ทั้งนี้ นายเรืองไกรได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2563 ที่วินิจฉัยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่นจำกัดอและบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด มีความผิดตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง และคำวินิจฉัย กกต.ครั้งที่ 1/2564, 2/2564, 3/2564 และ 9/2564 มายื่นประกอบด้วย

อย่างไรก็ดี นายเรืองไกร ยืนยันด้วยว่า ไม่ใช่นักกฎหมายแต่เป็นผู้ตรวจสอบนักกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง ตนเองจำเป็นต้องขอให้ กกต.ย้อนตรวจสอบนายพิธาว่าสิ้นสมาชิกภาพหรือไม่ โดยอ้างอิงแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. 

ส่วนกรณีที่ระบุว่า หากนายพิธาขายหุ้นทั้งหมดก็พ้นผิด เป็นกรณีที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด

หากมีความผิดก็ต้องผิดตั้งแต่วันที่สมัคร จะแก้ด้วยการโอนหุ้นเพื่อพ้นผิดไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยแบบไม่เข้าใจกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ครอบคลุมถึงบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย แม้จะได้ถึง 376 เสียงก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ ต่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะร้องและอาจจะพ้นทั้งคณะรัฐมนตรี

"ประเทศก็เดินหน้าไป คนกระทำความผิดหรือเข้าข่ายถูกตรวจสอบ กกต. ก็ต้องทำ"