“บิ๊กตู่”เปิดหมดเปลือกเบื้องหลังแยกทาง“บิ๊กป้อม”

06 พ.ค. 2566 | 07:44 น.

“บิ๊กตู่”แคนดิเดตนายกฯ รทสช. เปิดใจเครือเนชั่น เล่าละเอียดเบื้องหลังแยกทาง “บิ๊กป้อม” เพื่อความสบายใจ ตั้งเป้ากวาด ส.ส. 100 ที่นั่ง เฉพาะเขต 40-50 ที่นั่ง ยังไม่ฟันธงสูตรจับขั้วตั้งรัฐบาล ใครไม่มาร่วมด้วย ก็ไม่ต้องมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดใจกับรายการ Nation Insight เนชั่นทีวี ช่อง 22 ถึงการลงสนามเลือกตั้ง 2566  ดำเนินรายการโดย 2 บก. บากบั่น บุญเลิศ และ วีระศักดิ์ พงศ์อักษร  

เบื้องหลังแยกทางบิ๊กป้อม 

ในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง กรณีที่ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ได้เคยบอกไว้ว่า หากใครได้เสียงส.ส.มากกว่า ให้คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้จริงหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้คุยกับตนโดยตรง แต่พูดในที่ๆ มีหลายคนนั่งอยู่ ก็คือ พูดให้ได้ยิน ก็เอาตามสบายใจ อะไรมันเกิดขึ้นก็ได้ ไม่รู้

เมื่อถามถึงจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดว่าใครได้คะแนนเสียงมาก คนนั้นก็จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “เอ้อ ผมเห็นข่าวช่องไหนไม่รู้ มันมีอีกหลายสูตรนะ มีพรรคร่วมอีกด้วย แล้วถ้าเขารวมกันได้มากกว่า ก็พร้อมเสนอใครก็ได้ แต่ผมคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ”

เมื่อถามย้ำว่าหลักคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ คือถ้าใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดเฉพาะพี่ป้อม 2 คน เพราะพี่ป้อมท่านว่า ท่านก็พร้อมเป็นนายกฯ แล้วในพรรคก่อนหน้านี้ที่ผมออกมา ส.ส.ก็มีนายกฯ ในใจ 2 คน ผมก็เลย ถึงเวลาของพี่ ก็เชิญตามสบาย แต่ผมก็ออกมาเอง”

เมื่อถามซักอีกว่า พูดกับ พล.อ.ประวิตร อย่างนี้เลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “เปล่าสิ แหมพูดกับพี่ ก็พูดคนละอย่างสิ ผมพูดเรียบร้อยว่า ถ้าพี่พร้อมจะเป็น จะได้สบายใจ เพราะคนในพรรคสนับสนุน 2 คน ผมด้วย พี่ป้อมด้วย อะไรทำนองนี้ เพื่อความสบายใจ ผมออกเลยแล้วกัน ก็แค่นั้น ก็จบ”

“พี่ป้อมก็พูดอีกทีว่า ใครคะแนนมาก คนนั้นเป็นนายกฯ ซึ่งตรงนั้นก็นั่งหลายคน แต่ไม่เห็นใครตอบอะไร (หัวเราะ) ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็เราพูดกันไปแล้ว 2 คน ถ้าเกิน 2 คนขึ้นไป ให้คนอื่นพูดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะอะไรกับใคร”

คาดได้ส.ส. 40-50 เขต

นอกจากนี้  พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบต่อซักถามที่ว่าประเมินตัวเลขในการเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เสียงส.ส.เท่าไรด้วยว่า "แต่ละภาคไม่เหมือนกัน แต่ผมคาดหวังกับคนที่ยังไม่แสดงความเห็น คนที่เงียบๆ อยู่ตรงกลาง แต่คิดว่าเขาตัดสินใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่พูด คิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะตอนแรกที่มา ก็โดนดูถูกว่าไม่น่าจะได้ถึง 20 เสียง แต่ผมว่าน่าจะได้แล้ว แบบค่อยไต่ขึ้นไป ถ้าดูจากโพลก็คิดว่า 40-50 คงได้ แต่ถ้าได้สัก 100 ก็คงดี" 

ส่วนที่รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคตั้งใหม่ อาจมีคนเก่ามาผสม คิดไหมว่าเป็นพรรคที่ใช้ต้นทุน“ลุงตู่”มากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็ต้องให้กำลังใจ เพราะจำเป็น ตนบอกเลยว่าใช้ได้ทั้งผลงาน โครงการต่างๆ ไปประชาสัมพันธ์ เพราะเราเป็นหน้าใหม่ บางทีเข้าไปในพื้นที่เสือดุ ก็ต้องอ้างไว้ โครงการเป็นตัวเลือกไว้ก่อน 

“แต่ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร อย่าเอาผมไปทะเลาะกับใคร และคนอื่นก็อย่ามาทะเลาะกับผม ทุกคนก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันหมด ก็ให้เกียรติกัน แต่วันนี้ก็พวกเขาก็ยังโอเคกับผมในเรื่องส่วนตัว แต่ช่วงเลือกตั้ง ก็อาจจะต้องเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาทำงานก็ให้เกียรติกัน” 

                              พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดใจกับ 2 บก. บากบั่น บุญเลิศ และ วีระศักดิ์ พงศ์อักษร

ชายชาติทหารรับได้หมด

เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าการมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้ส.ส.ไม่ถึง 30 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คิดแค่จะมีพรรคการเมืองที่ดีมีคุณภาพ ใครเชื่อมั่นศรัทธาก็มาอยู่กับผม ผมเชื่อมั่นศรัทธาใคร ผมก็ไปอยู่ด้วยกัน จะได้แค่ไหนก็เป็นพรรคการเมือง 

เริ่มต้นอาจจะไม่ถึงจุดสูงสุดก็ได้ ผมจะมีอะไรไปสู้กับเขาได้ นอกจากสิ่งที่ทำไปแล้ว เราใช้ผลงานเข้าสู้ ถ้าแพ้เลือกตั้ง ก็ประเทศชาติแพ้ มันคนละเรื่อง ประเทศชาติจะถอยกลับไปอยู่ที่เดิมหรือไม่ ผมไม่อยากให้ประเทศเป็นแบบนี้ ที่อยู่วันนี้ ก็เพราะแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเก่งสุด ใครทำได้ก็เข้ามาทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ก่อนจะถามกลับพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ทำไมล่ะ มันแพ้แล้วหน้าตามันหายหล่อหรือ”

เมื่อถามว่าเป็นแชมป์เก่า(นายกฯ) มา 2 สมัย ถ้ากลับมาไม่ได้ จะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเปรยว่า “ก็ดูบอลโลกไหมล่ะ บางทีทีมเปลี่ยนคน เปลี่ยนสปอนเซอร์ บางทีก็ร่วงไปท้ายตาราง เป็นได้หมด ผมยอมรับกติกาได้หมด ชายชาติทหารรับได้หมด” 

ส่วนประเด็นที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สื่อสารว่าจะขอกลับมาเลี้ยงหลาน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ยินดีด้วย ส่วนที่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ผมก็พูดไปหลายทีแล้วว่า ไม่ได้ขัดข้อง กลับมาก็เข้าสู่กระบวนการ ผมไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว”

+++


 “ไม่มากับผม ก็ไม่ต้องมา”


พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่ตอนนี้แบ่งเป็น 2 ขั้ว คือขั้ว 2 ลุง ลุงตู่ กับ ลุงป้อม อีกขั้วคือ เพื่อไทย กับ ก้าวไกลว่า ตอนนี้ก็พูดกันไปพูดกันมา ท้ายสุดให้ดูการเลือกตั้งแล้วกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ใครพูดอะไรก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นตนไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้

พร้อมยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพราะตนคาดว่าการเลือกตั้ง คะแนนจะแตกต่างมากพอสมควร 

“ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่ตรงกัน หรือทำร่วมกันได้ เราก็ร่วมมือกัน ฝั่งเขาประกาศแล้วว่า ไม่มากับผม ก็ไม่ต้องมา ตอนนี้ก็รอดูช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เพราะกระแสคนตรงกลาง พลังเงียบเฉียบขาดก็มีอยู่ และเขายังไม่ตัดสินใจ ก็ขอฝากให้ครั้งนี้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งกว่า 90% ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน ผมก็รับได้ เพราะถ้าผมไม่อยู่ พรรคก็ยังอยู่ ส.ส.ก็ต้องมี ก็รัฐมนตรีก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ หรือ ส.ส. ผมก็ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่ได้ วันนี้สำคัญที่สุดคือ ให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้ก่อน อย่ามัวมาติดกันหยุดตรงนี้เลย”

เมื่อถามต่อว่าพรรคที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล นอกจากจะได้เสียงจากภาคอีสาน เหนือ ใต้ แล้ว หัวใจสำคัญคือต้องชนะใน กทม. โค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์จะลุยอย่างไรให้ชนะ แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบว่า “ผมก็ต้องลงพื้นที่เอง ตอนนี้ก็ให้ผู้รับผิดชอบช่วยขับเคลื่อน เพราะผู้สมัครทุกคนก็หน้าใหม่ ต้องหาคนมีประสบการณ์ลงไปเดินในพื้นที่ ช่วงนี้ก็เอาชื่อผมไปหาเสียงก่อนแล้วกัน แล้วจะเพิ่มเติมให้อีกที” 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ก็มีหลายช่องทางหาเสียง แต่ปัญหาคือ แต่ละพื้นที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีคนจองหมดแล้ว แต่บางทีจองแล้ว ก็อาจมีคนที่รักเรา ออกมาเหมือนกัน 

“การเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่เอามาต่อรอง ใครไม่ขอก็ต้องทำให้ จะดูที่วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ผมบริหารแบบพุ่งเป้า ว่าพื้นที่ไหนขาดอะไร แต่ถ้าให้ที่เดียว ที่อื่นก็ไม่ได้"