"ส่วนต่างประกันรายได้" ปชป.ปักธงปูพรมคะแนนเสียง

14 ม.ค. 2566 | 04:42 น.

"ส่วนต่างประกันรายได้" ปชป.ปักธงปูพรมคะแนนเสียง ต่อยอดสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวนาในการพัฒนาตัวเอง หนึ่งใน 8 นโยบายของพรรค

พรรคประชาธิปปัตย์หนึ่งในพรรคการเมืองเก่าแก่ของประเทศไทย ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งโดยมี 8 นโยบายที่วางไว้เป็นเรือธงในการดูดคะแนนเสียง

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายสำคัญ คือ ประกันรายได้ส่วนต่าง เช่น ข้าว ยางพารา และข้าวโพด เป็นต้น 

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน  เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุชัดเจนว่า นโยบายแรกจะเป็นนโยบายต่อเนื่องจากความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของการประกันรายได้ ซึ่งก็คือ การประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และ ข้าวโพด โดยรายละเอียดของการต่อยอดโครงการประกันรายได้นั้น จะเน้นในส่วนของเงินส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกร 

นโยบายที่ 2 เป็นนโยบายสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.7 ล้านถึง 4.8 ล้านครัวเรือน  โดยชาวนารับ 30,000 บาท ต่อ 1 ครัวเรือน  

 

“นโยบายดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง"

สำหรับรายละเอียดเงินประกันส่วนต่างรายได้ที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินไปก่อนหน้านี้ หรือการประกันรายได้ คือ

  • ข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน เงินงบประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาท
  • มัน เกษตรกร 524,000 ครัวเรือร งบ 9,500 ล้านบาท 
  • ยางพารา1.6 ล้านราย 1.6 หมื่นล้าน
  • ปาล์มน้ำมัน 380,000 ราย งบ 7,652 ล้านบาท
  • ข้าวโพด 452,000 ราย งบ 1,669.8 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี  เงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวด 14 โครงการประกันรายได้ข้าว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 จะเข้าบัญชี 18 ม.ค.นี้ ได้แก่

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ  ชดเชยตันละ 860.01 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 12,040.14 บาท
  • ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 459.26 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,348.16 บาท
  • ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี  ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
  • ข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยตันละ 50.37 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 1,511.10 บาท
  • ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย

โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 18 ม.ค. 2566 มีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 3,516 ครัวเรือน และจนถึงวันที่ 11 ม.ค. 2566 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกร งวดที่ 1 - 13 จำนวนถึง 2.575 ล้านครัวเรือน