พบผู้เข้าข่าย "โอมิครอน" 11 ราย เดินทางมาจาก ตปท.

13 ธ.ค. 2564 | 10:14 น.

กระทรวงสาธารณสุข ตรวจพบผู้เข้าข่าย "โอมิครอน" 11 ราย เดินทางมาจากน่างประเทศ ย้ำยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลตรวจเชื้อโควิดผู้เดินทางเข้าประเทศไทย พบเข้าข่ายสายพันธุ์ "โอมิครอน" 11 รายถอดรหัสพันธุกรรมยืนยันแล้ว 8 ราย อีก 3 รายกำลังรอผล

พบผู้เข้าข่าย "โอมิครอน" 11 ราย เดินทางมาจาก ตปท.

 โดยอยู่ใน กทม. 9 ราย นนทบุรีและชลบุรีจังหวัดละ 1 รายยืนยันยังไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศ และยังไม่พบสายพันธุ์ลูกผสมหรือไฮบริด รวมถึงไม่พบสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA2

วันนี้(13 ธันวาคม 2564) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ตั้งแต่เปิดประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 มีการตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์จากตัวอย่างผู้ติดเชื้อภายในประเทศและผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ จำนวน 4,797 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 4,777 ตัวอย่าง คิดเป็น 99.58% สายพันธุ์อัลฟา 8 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.17% สายพันธุ์เบตา 1 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.02%

พบผู้เข้าข่าย "โอมิครอน" 11 ราย เดินทางมาจาก ตปท.

และพบเข้าข่ายสายพันธุ์โอมิครอน 11 ตัวอย่าง จากผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด ซึ่งเป็นการตรวจเบื้องต้นด้วยการหาตำแหน่งเฉพาะ (SNP) และมีการตรวจด้วยวิธีถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวยืนยันแล้ว 8 ราย ส่วนอีก 3 รายอยู่ระหว่างรอผลตรวจถ

สำหรับผู้เข้าข่ายสายพันธุ์โอมิครอนทั้ง 11 ราย อยู่ในพื้นที่ กทม. 9 ราย นนทบุรีและชลบุรี จังหวัดละ 1 ราย แบ่งเป็น รายที่ 1 ชายอเมริกันอายุ 35 ปี มาจากสเปน เข้าระบบ Test &Go กทม. ผลยืนยันแล้ว, รายที่ 2 และ3 หญิงไทย อายุ 46 ปี และ 36 ปี กลับจากไนจีเรีย เข้า ASQ กทม. ผลยืนยันแล้ว, รายที่ 4 ชายไทยอายุ 41 ปี กลับจากดิอาร์คองโก เข้าแซนด์บ็อกซ์ กทม. รอยืนยันผล, รายที่ 5 ชายไทยอายุ 39 ปี กลับจากไนจีเรีย เข้าแซนด์บ็อกซ์ กทม. ผลยืนยันแล้ว, รายที่ 6 ชายโคลัมเบียอายุ 62 ปี มาจากไนจีเรีย เข้าแซนด์บ็อกซ์ กทม. รอยืนยันผล, รายที่ 7 ชายอังกฤษอายุ 51 ปี มาจากอังกฤษ ผลยืนยันแล้ว,

 

รายที่ 8 ชายไทยอายุ 37 ปี มาจากแอฟริกาใต้ เข้า ASQ นนทบุรี ผลยืนยันแล้ว, รายที่ 9 ชายอเมริกันอายุ 40 ปี เดินทางจากสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีใต้ เข้า Test&Go กทม. ผลยืนยันแล้ว, รายที่ 10 ชายเบลารุสอายุ 51 ปี มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้า Test&Go กทม. ผลยืนยันแล้ว และรายที่ 11 ชายอังกฤษอายุ 31 ปี มาจากอังกฤษ เข้า Test &Go กทม. รอยืนยันผล

พบผู้เข้าข่าย "โอมิครอน" 11 ราย เดินทางมาจาก ตปท.

"หลังได้ผลตรวจเบื้องต้น อีกประมาณ 3 วันจึงจะได้ผลตรวจยืนยัน โดยบางรายที่รอผลตรวจยืนยัน เนื่องจากตัวอย่างมีเชื้อไม่มากพอ จึงต้องตรวจซ้ำ ทำให้รายที่ตรวจภายหลังมีผลยืนยันออกมาก่อน อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่ได้ผลตรวจยืนยันแต่ได้แจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและกรมควบคุมโรคทราบทันที เพื่อสอบสวนผู้สัมผัสเสี่ยงและนำมาตรวจหาเชื้อต่อไป

 

ทั้งนี้ การที่ผลตรวจเบื้องต้นและผลตรวจยืนยันตรงกันว่าเป็นโอมิครอน ต่อไปอาจไม่ต้องตรวจยืนยันทุกราย" นพ.ศุภกิจกล่าว

 

ส่วนโควิดสายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง 2 สายพันธุ์ หรือไฮบริดยังไม่พบในประเทศไทย แต่มีการเฝ้าระวังจากการตรวจสายพันธุ์ต่อเนื่อง สำหรับสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA2 ยังไม่พบในประเทศไทยเช่นกัน ประชาชนจึงไม่ต้องกังวล และขอย้ำว่า มาตรการภาครัฐและความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด สามารถรับมือสายพันธุ์โอมิครอนหรือสายพันธุ์อื่นๆ ในอนาคตได้ ขอให้มาฉีดวัคซีนและเคร่งครัดมาตรการต่างๆ

 

ด้าน นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ประเทศไทยวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหาย 5,467 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,398 ราย เสียชีวิต 23 ราย แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง การระบาดเป็นแบบคลัสเตอร์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ในชุมชน สถานประกอบการ ตลาด แคมป์ คนงาน โรงเรียน เป็นต้น และจากข้อมูลการสุ่มตรวจ ATK ภาพรวมยังไม่พบคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ ยังสามารถตรวจจับการระบาดและดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับรายงาน ร่วมกับข้อมูลที่สุ่มตรวจ ATK สอดคล้องกันว่าสถานการณ์โควิด 19 ของประเทศอยู่ในช่วงขาลง 

 

สำหรับการเฝ้าระวังทางเข้าออกระหว่างประเทศในท่าอากาศยาน ระว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564  มีผู้เดินทางเข้าประเทศ 133,061 ราย พบผู้ติดเชื้อ 171 ราย คิดเป็น 0.13% และในช่วง วันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 มีผู้เดินทางข้าประเทศ 87,383 ราย พบผู้ติดเชื้อ 152 ราย คิดเป็น 0.17% โดยพบสัดส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go มากขึ้น และเริ่มตรวจพบการติดเชื้อหลัง Day 0 ทำให้ต้องติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวนมาก จึงเสนอให้โรงแรม SHA+ ทำการ Scan QR-Code จากแอปพลิเคชั่นหมอชนะในผู้เดินทางทุกราย รวมทั้งจัดทำระบบติดตามผู้เดินทางแบบ Test & Go และแจ้งข้อมูลกับทีมสอบสวนโรค เพื่อลดเวลาการติดตามค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เน้นกำกับติดตามมาตรการ VUCA เพื่อเตรียมพร้อมรับช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะร้านอาหารที่ให้ดื่มสุราภายในร้าน รวมถึงเคร่งครัดมาตรการ UP โดยเฉพาะการสวมหน้ากาก โดยสื่อสารทำความเข้าใจกับคนไทย ชาวต่างชาติที่เข้าประเทศรูปในแบบ Test & Go, Sandbox และคนไทยที่เดินทางจากต่างประเทศ เพื่อลดการติดเชื้อ ซึ่งภาพรวมการเปิดประเทศที่ผ่านมายังไม่ส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศ

 

ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลกขณะนี้พบใน 69 ประเทศ สำหรับประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศจำนวน 11 ราย จาก สหราชอาณาจักร สเปน สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไนจีเรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และแอฟริกาใต้ แยกเป็น ระบบ Test& Go 5 ราย  Sandbox 3 ราย และจาก ASQ 3 ราย ขณะนี้ยืนยันผลแล้ว 8 ราย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ต่อไป