นายแมทธิว ไซมอน โคตส์ (Matthew Simon Coates – Matt Coates) ผู้จัดการทั่วไป โรช ประเทศไทย เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว หรือผู้บริหารคนใหม่ของโรชประจำประเทศไทย กล่าว่า ด้วยพื้นฐานความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ และประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยาและค้นคว้าและวิจัย เพื่อขับเคลื่อนการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิด “การเดินทางแห่งนวัตกรรมการรักษา และวัฒนธรรมของ โรช ไทยแลนด์ เพื่อสังคมไทย”
ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ โรช ที่มีต่อการวิจัยและพัฒนาผ่านการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวขององค์กร (Agile Organisation) และการผลักดันความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทำให้เกิดความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมสุขภาพ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยานวัตกรรมมากยิ่งขึ้น
ในระบบเครือข่ายทั่วโลกของโรช มีแผนเพิ่มการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ปีละ 5% โดยปี 2569 จะใช้เงินลงทุนถึง 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เปลี่ยนชีวิตคนไข้ไปในทางที่ดีขึ้น โดยโรช ไทยแลนด์ ได้นำการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 1 ,2 หรือ 3 เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มากกว่า 6 ร้อยล้านบาทในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา (786 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2562-2567)
โดยยา 1 ตัว ใช้นักวิจัยมากถึง 400 คน ใช้เวลามากกว่า 7 ล้านชั่วโมง ในการศึกษาค้นคว้าและพัฒนา และผ่านมากกว่า 6 พันการทดลอง เพื่อให้แน่ใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โรชมียากว่า 13 รายการ ที่อยู่ในรายชื่อบัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถยืนยันบทบาทและความน่าเชื่อถือในระบบการดูแลสุขภาพของประเทศไทยได้
นอกจากนี้ โรชยังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ให้เข้าร่วมงานวิจัยทางคลินิกระยะที่ 1,2 และ 3 เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการรักษาโรคด้วยยานวัตกรรมใหม่ๆ และนำเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมการดูแลผู้ป่วยในการวิจัย มาให้แพทย์ได้ทำงานวิจัย พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงยานวัตกรรมให้คนไข้ไทยในทางหนึ่งด้วย
นายแมทธิว กล่าวว่า จากข้อมูลที่ศึกษาโดย Deloitte การลงทุนทำงานวิจัยคลินิกทุก 1 บาท ที่ลงทุนประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ 3 บาท ทั้งการการทำวิจัยในประเทศไทย ช่วยเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ของนักวิจัยและแพทย์ผู้ดูแล เพื่อพัฒนาแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ความท้าทายด้านสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้น โรชยังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้บุคลากรทางการแพทย์ ในการเผชิญกับปัญหาสุขภาพในอนาคต
หัวใจสำคัญที่ทำให้โรชประสบความสำเร็จ คือ แนวทางที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก จากผลสำรวจของพนักงานปี 2567 พนักงานโรช ไทยแลนด์ มีความภูมิใจกับการทำงานในองค์กรสูงถึง 92% ด้วยโครงสร้างวัฒนธรรมของการทำงานที่คล่องตัว ในแบบ Agile Way of Working หรือ การทำงานที่สามารถปรับตั ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างคล่องตัว ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับตัว และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานและวัฒนธรรมองค์กร ใส่ใจตั้งแต่พนักงานไปจนถึงครอบครัวพนักงาน
“จากประสบการณ์ในการทำงานระดับ Global ด้วยการวางวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการให้อำนาจในการตัดสินใจ จะนำพาไปสู่การทำงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน และสำหรับ โรช ไทยแลนด์ เราทำงานแบบ Outcome Based Planning เป็นการทำงานโดยมุ่งที่ผลลัพธ์ในทุกๆ 90 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในระยะสั้น ด้วยการวิเคราะห์และพิจารณาปรับให้ทันกับเหตุการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์ของเป้าหมายองค์กรระยะยาวสำเร็จได้”
ขณะเดียวกัน การส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ความเท่าเทียม และความร่วมมืออย่างเปิดกว้าง จะช่วยให้พนักงานสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวเข้ากับความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือและความรับผิดชอบต่อสังคมไทย โรชจะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสามารถในการเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ และส่งเสริมความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ การอยู่ร่วมกันในสังคมผ่านโครงการต่างๆ
นายแมทธิว กล่าวว่า โรชมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการพัฒนาการเข้าถึงยานวัตกรรมและการวินิจฉัยที่ล้ำสมัยอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อพัฒนาแนวความรู้เกี่ยวกับการประเมินเทคโนโลยีทางสุขภาพแก่ชมรมผู้ป่วยกว่า 20 ชมรม และ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพในประเทศผ่านงานวิจัยและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ โรชยังส่งเสริมในการให้ความรู้เรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม DE&I (Diversity, Equity and Inclusion) ในโรงเรียนต่างๆ ในกลุ่มคนวัยทำงาน มีโครงการ Cancer Care Connect: ตรวจเร็ว รักษาไว ห่างไกลมะเร็ง ที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลแลความรู้เมื่อเผชิญกับโรคมะเร็ง ในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษามหาลัย ทั้งเปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ 35-40 คน ต่อปี เข้ามามีประสบการณ์ทำงานที่โรช
อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์เกี่ยวกับบทบาทของโรชในของการดูแลสุขภาพของคนไทย ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกัน ระหว่างโรชและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ด้วยคำกล่าวที่สร้างแรงบันดาลใจว่า “ถ้าอยากไปเร็ว ให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากไปไกล ให้ไปด้วยกัน” (When you run alone, you run fast. When you run together, you run far)
“การดูแลสุขภาพเป็นระบบที่ต้องพึ่งพาการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้ความคิดที่สร้างขึ้นเพียงลำพังอาจพัฒนาได้เร็วกว่า แต่อาจเอื้อประโยชน์แก่ผู้ป่วยอย่างจำกัด ในทางกลับกันความคิดที่ถูกพัฒนาร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ อาจใช้เวลานานและซับซ้อนกว่า แต่ท้ายสุดจะสามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแก่ผู้ป่วย สร้างระบบการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยได้” นายแมทธิวกล่าว