โกลด์แมนแซคส์ปรับเป้า 'ราคาทองคำ' ปี 2026 คงมุมมองขาขึ้นต่อเนื่อง

27 ต.ค. 2568 | 17:05 น.

โกลด์แมนแซคส์ปรับเป้าราคาทองคำปี 2026 คาดแตะ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ชี้แรงซื้อจากธนาคารกลางและกองทุน ETF หนุนทองคำขาขึ้นต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับเป้าหมายราคาทองคำปี 2026 โดยคาดการณ์ว่าจะแตะ 4,440 ดอลลาร์ในไตรมาสแรก และพุ่งขึ้นถึง 5,055 ดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปี
  • ยังคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อทองคำ โดยมองว่าการปรับฐานของราคาล่าสุดเป็นสัญญาณที่ดีต่อสุขภาพของตลาด และไม่ได้เปลี่ยนแนวโน้มขาขึ้น
  • ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจาก 3 ประการ คือ การซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก, เงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF และวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรงในสัปดาห์นี้ หลังจากปรับตัวขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี จนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำกลับเผชิญวันร่วงหนักที่สุดในรอบทศวรรษ โดยดิ่งลงกว่า 6% เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ทำให้นักลงทุนถกเถียงกันว่าการปรับขึ้นครั้งใหญ่สิ้นสุดลงแล้วหรือควร “ซื้อช่วงราคาร่วง”

ผลตอบแทนทองคำรายปีตั้งแต่ปี 2020

  • 2025 55.3%
  • 2024 27.4%
  • 2023 12.2%
  • 2022 1.4%
  • 2021 -6.1%
  • 2020 24.0%

นักลงทุนสายทองคำที่รอจังหวะซื้อช่วงราคาต่ำเข้ามาซื้อ ทำให้ราคาทองคำลดการขาดทุนลงบางส่วน แต่สุดท้ายยังปิดสัปดาห์ด้วยการลดลง 3.5% ซึ่งยังไม่ถือว่าน่ามั่นใจนัก

อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนแซคส์ ไม่ได้แสดงความกังวลมากนัก โดยอิงจากประมาณการราคาทองคำที่ปรับปรุงใหม่สำหรับปี 2026

ทองคำฟื้นตัวเมื่อผลตอบแทนพันธบัตรลดลงและดอลลาร์อ่อนค่า

เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในจุดเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องเผชิญภารกิจสองด้านระหว่างการรักษาการจ้างงานให้ต่ำและการควบคุมเงินเฟ้อ

ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแรงลง สะท้อนจากจำนวนการเลิกจ้างและอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังผลักดันให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อขยับสูง

เมื่อเดือนสิงหาคม สำนักสถิติแรงงานรายงานว่าอัตราว่างงานอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 ข้อมูลจากบริษัท Challenger, Gray & Christmas ระบุว่ามีการปลดพนักงานเกือบ 1 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปี 2024

ขณะที่การศึกษาของ Resume.org พบว่า 39% ของบริษัทมีการเลิกจ้างพนักงาน และอีก 35% คาดว่าจะมีการลดพนักงานก่อนสิ้นปีนี้ ในเวลาเดียวกัน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ระบุว่าเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 2.3% ในเดือนเมษายน ก่อนที่มาตรการภาษีส่วนใหญ่จะเริ่มมีผล

แรงกดดันดังกล่าวสร้างภาระต่อเฟด แต่หลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการพยุงตลาดแรงงาน เนื่องจากเชื่อว่าผลกระทบของภาษีต่อเงินเฟ้อจะเป็นเพียงชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ภาระหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่สูงมาก และความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติอาจลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้เกิดคำถามต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวม

ผลลัพธ์คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Treasury yields) มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนกันยายน ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ 4% ลดลงจาก 4.77% เมื่อต้นเดือนมกราคม ส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดจาก 109 เหลือ 99 ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งสองปัจจัยนี้ล้วนเป็นผลดีต่อราคาทองคำ เพราะในอดีต ราคาทองมักเคลื่อนไหวสวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์

สาเหตุคือ เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง การถือครองพันธบัตรจึงไม่น่าสนใจเท่าทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งทองคำมีการกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ย่อมทำให้ทองคำจูงใจต่อผู้ซื้อต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลก

โกลด์แมนแซคส์ปรับมุมมองราคาทองคำปี 2026 หลังราคาผันผวน

การผันผวนของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ทำให้นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ ทบทวนเป้าหมายราคาทองคำอีกครั้ง โดยธนาคารไม่ได้ตื่นตระหนกกับแรงขายล่าสุด แต่กลับยืนยันมุมมองเชิงบวกในระยะยาว หลังจากช่วงที่มีแรงซื้อเข้ามามากและราคาขึ้นต่อเนื่อง การปรับฐานและพักตัวถือเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของตลาดทองคำ และไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองเชิงบวกในระยะยาว

โกลด์แมนแซคส์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาบันการลงทุนชั้นนำของวอลล์สตรีท มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 156 ปีในการผ่านทั้งรอบขาขึ้นและขาลงของทองคำมาแล้วหลายครั้ง มุมมองเชิงบวกของโกลด์แมน แซคส์ว่าการปรับฐานของทองคำเป็น “สัญญาณสุขภาพดี” มีพื้นฐานจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

  • ธนาคารกลางทั่วโลกจะซื้อทองคำเฉลี่ยปีละ 760 ตันในปี 2025 และ 2026 สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนปี 2022 ที่ 400–500 ตัน
  • การไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน ETF ประมาณ 360 ตัน
  • วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 3 ครั้งในช่วงต้นปี 2026

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การไหลเข้าของเงินทุนในกองทุนทองคำ ETF มีส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงราคาทองคำ โดยข้อมูลของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ETF ได้เข้าซื้อทองคำรวม 268 ตันในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 33,000 ล้านดอลลาร์

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงซึ่งกดผลตอบแทนพันธบัตรให้ลดลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้โกลด์แมน แซคส์ประเมินว่า แม้ราคาทองคำอาจทดสอบระดับแนวรับใกล้ 4,000 ดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีและต่อเนื่องถึงปี 2026

จากสมมติฐานทั้งหมดนี้ โกลด์แมน แซคส์ตั้งเป้าราคาทองคำไว้ที่ 4,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสแรกของปี 2026 และจะปรับขึ้นแตะระดับ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสสุดท้ายของปีเดียวกัน