KEY
POINTS
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยประเมินราคาทองคำสัปดาห์นี้ (22 - 26 ต.ค. 68) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด แม้ว่าจะมีความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อีกทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่นายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเดินหน้าเรียกเก็บภาษี 100% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 1 พ.ย. หรือเร็วกว่านั้น โดยขึ้นอยู่กับท่าทีของจีนในการดำเนินการเกี่ยวกับแร่หายาก
ทางด้านจีนเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือพิเศษกับเรือของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. ยกเว้นเรือที่สร้างในจีน โดยเรือที่เข้าข่ายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคือเรือที่เป็นของสหรัฐฯ ดำเนินการโดยสหรัฐฯ สร้างโดยสหรัฐฯ หรือมีธงสหรัฐฯ
นอกจากนี้ จีนขู่ใช้มาตรการตอบโต้ หากสหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 100% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. ทำให้สถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ตึงเครียดยิ่งขึ้น หนุนนักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
รวมถึงความเสี่ยงจากการชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นแรงผลักดันให้ทองคำได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เผยว่า การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 16 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศแล้ว
ทั้งนี้ จากการที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำสั่งชั่วคราวห้ามรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ปลดเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงที่มีการชัตดาวน์ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มขายทำกำไรทองคำ ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำในระยะสั้น
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลายลง หลังกลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด 13 คนในฉนวนกาซา
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 4,150 - 4,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 64,350 - 67,500 บาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ณ วันที่ 21 ต.ค.68 ที่ระดับ 32.62 บาท)
โดยแนะนำให้นักลงทุนซื้อเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง พร้อมติดตามปัจจัยใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวรับสำคัญของราคาทองคำ