KEY
POINTS
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะผู้บริหาร ว่า เงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ทำให้รายได้ประเทศลดลง การแข่งขันในตลาดโลกเสียเปรียบ และยังส่งผลต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในวงกว้าง
ทั้งนี้ ส.อ.ท. เคยเสนอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดการตรวจสอบการส่งออกทองคำ หลังพบว่าปี 2566 มีการส่งออกไปกัมพูชากว่า 12,000 ล้านบาท และปี 2567 พุ่งหลักแสนล้านบาท
ดังนั้น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งจัดระเบียบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการเทรดทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้
"ช่วงเดือนก่อนที่เอกชนพบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปจำนวนมาก และเมื่อชี้จุดทำให้มีการเข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ค่าเงินบาทลดลงมาได้บ้าง ดังนั้น หากมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวดก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้"
นอกจากนี้ ส.อ.ท. เสนอแนวทางให้ ธปท. และสถาบันการเงินพิจารณาซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือ SMEs โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีวินัยทางการเงินดี เช่น ไม่เคยค้างชำระค่าน้ำค่าไฟ หรือมีเครดิตชุมชนที่ดี ควรได้รับแต้มต่อในการกู้ยืม
รวมถึงเสนอให้จัดตั้งกองทุนเอสเอ็มอีนวัตกรรมการเงินโดยเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อปกติสามารถเข้ามาขอทุนสนับสนุนได้ เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ขายต้องขายแบบเครดิตแต่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินสด ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง การออกแบบระบบสินเชื่อแบบใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็น
โดยผู้ว่าการ ธปท. ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชน และจะนำข้อมูลไปพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ส.อ.ท. ยังเสนอให้ภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นสินค้าเมดอินไทยแลนด์จาก 30% เป็น 50% เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ และสร้างรายได้ให้ SMEs โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณเพิ่มเติม พร้อมสนับสนุนโครงการคนละครึ่งพลัสที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า มีร้านค้าร่วมโครงการกว่า 300,000 ร้านทั่วประเทศ