ญี่ปุ่นไม่สนการเมืองไทย เตรียมย้ายฐานการผลิตมาไทยเพิ่ม

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในการนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ยังได้ร่วมโรดโชว์กับ BOI ที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ ได้หารือกับผู้บริหารบริษัทญี่ปุ่นรายหนึ่ง ผู้ผลิต Printed Circuit Board  สำหรับใช้ในรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ และเป็นลูกค้าที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยล่าสุดตัดสินใจ ย้ายฐานการผลิตมาตั้งในนิคมอุตสาหกรรมในไทย เป็นการขยายการลงทุนเพิ่มเติมอีกมูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างต้นปีหน้า และเดินเครื่องผลินในอีก 2 ปีข้างหน้า

“ เป็นการตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมอีก 20-30% จากที่เคยคาดการณ์กันไว้ ว่าจะเป็นเพียงการย้ายเทคโนโลยีมาลงบางส่วน ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท จากเดิมที่เคยลงทุนอยู่ในกลุ่มประเทศเอเชีย ก็ตัดสินใจย้ายมาลงในอาเซียนโดยเลือกไทย สาเหตุเพราะความขัดแย้งระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาเป็นตัวเร่ง และจุดแข็งที่ทำให้ชนะคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

แม้ค่าแรงของไทยจะเพิ่มขึ้นและสูงกว่ากลุ่มประเทศดังกล่าวเล็กน้อยอีกทั้งไทยมีความมั่นคงทางแรงงาน และโครงสร้างสาธารณูปโภคมากกว่า อีกทั้ง BOI ยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดมากขึ้น เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่มีนโยบายลดพลังงาน ลดคาร์บอน , การหาที่อยู่อาศัยให้ผู้บริหาร ให้มีสิทธิเป็นเจ้าของได้ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ให้กับครอบครัว”

นอกจากนี้ กนอ.ยังได้พบปะกับ สมาคมผู้ผลิตอาหารและเครื่องจักรที่ใช้ผลิตอาหารของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสนใจที่จะไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ที่เป็นแหล่งรวมการผลิตอาหารอยู่แล้ว เช่น นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง , นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ดูงานโครงการเมืองอัจฉริยะ “Haneda Innovation (HI) City” และ “Yokohama Smart City Project (YSCP)” เป็นแหล่งรวบรวมศูนย์วิจัยและทดลองเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ , เทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะ ,เทคโนโลยีทางการแพทย์ และสถานีไฮโดรเจน และเป็นแหล่งรวมร้านค้า โรงแรม สำนักงาน ศูนย์จัดการประชุมและการแสดงที่ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่น

และเมืองแห่งการพัฒนาระบบพลังงาน  โดยจะนำมาต่อยอดโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industry Estate) ของ กนอ. ทั้งในส่วนของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน โดยเฉพาะในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ต้นแบบของนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศ ที่มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับศูนย์ ด้วยการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ทั้งหมด

ตั้งแต่ระบบสาธารณูปโภค ที่นำสายไฟลงใต้ดิน มีการจ่ายไฟฟ้าด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart grid) รวมทั้งให้โรงงานติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 80% ของพื้นที่ และการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานในอาคารอย่างชาญฉลาด หรือ Smart BEMS เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ