รู้จัก “เขากระโจม” เส้นทาง โยคี ไฮโซ ปอ-โรเบิร์ต เดินธุดงค์

ชื่อของ“เขากระโจม” ดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืน เมื่อต้องไปมีส่วนเกี่ยวพันใน”คดีแตงโม นิดา” หรือ“แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” กรณี นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ตหลังบวชพรหมเป็นโยคีปอกับโยคีโรเบิร์ต เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ “แตงโม นิดา หรือแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์โดยมี

พระอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ เป็นผู้บวชให้บริเวณ ธรรมสถานวิโมกสิวาลัยอำเภอ สวนผึ้งจังหวัดราชบุรีโดยมีกิจกรรมบำเพ็ญบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้“แตงโม นิดา” หรือ“แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์”ซึ่งประกอบด้วย การทำสมาธิบริเวณที่เผาศพโบราณ (กองฟอน-เชิงตะกอน)และการ เดินธุดงค์ไปตาม เท้าเปล่าเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขากระโจม ระหว่างทางต้อง พบกับด่านของตำรวจตระเวณชายแดน หรือกองร้อยตชด.137 เรื่องต้องมีอันยุติลง  

ชื่อของ"เขากระโจม" ได้รับความสนใจในโลกโซเซียล มีการค้นหาเพื่อเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก บางรายต้องการทราบว่า เขากระโจมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด

“เขากระโจม” หรือที่ตั้งของหน่วย ตชด. 137 ตั้งอยู่ชายแดนไทย – เมียนมา(พม่า) ด้านอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มีเทือกเขาตระนาวศรี กั้นพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ ในอดีต พื้นที่นี้มีความเสี่ยง เนื่องจากมีชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถท่องเที่ยวได้ อุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี เขากระโจม ในแนวสุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตก

ทั้งนี้ที่มีบางคนเรียกว่า เขาช่องกระโจม นั้น คนพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินบริเวณนี้มาก่อนเรียกชื่อว่า เขาลันดา ซึ่งหมายถึง ภูเขาที่มีที่ราบ คนไทยรุ่นที่ไปทำเหมืองแร่ดีบุกที่นั่นย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เห็นรูปลักษณะของเขาว่าคล้ายกระโจมอินเดียนแดง ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้เป็น เขากระโจม

 “เขากระโจม” ตั้งอยู่ในแนวสุดเขตประเทศไทย ภาคตะวันตกจากระดับความสูง 1,045 เมตรจากระดับน้ำทะเล เขากระโจมจึงกลายเป็นจุดชมทะเลหมอกที่ กำลังนิยมมาก เพราะใกล้กรุงเทพมหานคร  (กทม.)สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจดจำไม่รู้ลืม คือ หนทางที่สมบุกสมบันยากลำบาก จนเป็นเรื่องพูดคุยในความทรงจำตลอดไป   

เขากระโจม ห่างจาก อ.สวนผึ้งประมาณ 29 กม. ห่างจาก จ.ราชบุรี ประมาณ 69 กม.  และ ห่างจากพม่า 1.9 กม. เป็นแหล่งท่องเที่ยว แห่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดในเทือกเขาตะนาวศรี คือจุดชมวิวเขากระโจม ซึ่ง สามารถ มองเห็นทั้งประเทศไทยและประเทศเมียมา (พม่า )มีไม้ป่านานาชาติ อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิหนาวเย็นทั้งปี

เหมาะ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบธรรมชาติป่าเขาและรักการผจญภัย เป็นขุดชมทะเลหมอกและ พระอาทิตย์ขึ้นและ พระอาทิตย์ตกที่สวยงามของสวนผึ้ง  ในช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงที่จะเกิดทะเลหมอกมากที่สุด ระยะทางจากตีนเขาถึงยอดเขาเป็นระยะทาง 10 กม.  การขึ้นไปที่เขากระโจม ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นเท่านั้น เนื่องจากว่าเส้นทางขึ้นเขากระโจม นั้นสูงชันและ สมบุกสมบัน  

บางช่วงยังต้องลุยน้ำที่สูงถึงครึ่งคันรถ ก่อนจะไปลุ้นกัน กับเนินสูงยาว หรือหากไม่มีรถขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถนำรถไปจอดยังปากทางขึ้นเขากระโจม และใช้บริการรถจากกลุ่มผู้ให้บริการรถ 4X4 “กลุ่มรักษ์เขากระโจม”  ในราคาเหมาคัน  ขึ้นลง ไม่เกิน 1,700 บาท หรือค้างคืนคันละ 2,700 บาท

หลังจากชมวิวทิวทัศน์บนยอดเขากระโจม แล้วระหว่างทาง ยังแวะชม “น้ำตกผาแดง” เดินเท้าเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก่อนจะพบกับสายน้ำตกขนาดกลางไหลผ่านหน้าผาหินสีแดง อันเป็นที่มาของชื่อ “น้ำตกผาแดง” ท่ามกลาง ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น หากมาในช่วงหน้าฝนจะมีทากต้องเตรียมอุปกรณ์กันทากมาให้พร้อม และสนุกน่าฉงนกับ  “เนินมหัศจรรย์ ” 

เมื่อจอดรถยนต์ตรงเนินมหัศจรรย์ รถยนต์จะค่อยๆ ไหลขึ้นเนินเอง โดยที่ไม่ต้องติดเครื่องยนต์หรือใส่เกียร์เดินหน้าเลย ซึ่งเนินมหัศจรรย์จะมีป้ายบอกไว้

มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางขึ้นเขากระโจม เพื่อชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้นและตก บนยอดเขากระโจม จึงได้จัดระเบียบเวลาการขึ้น-ลง เขากระโจม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 

การเดินทางขึ้นสู่เขากระโจม เวลาขึ้น-ลงที่กำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ดังนี้

• ขึ้นเวลา 04.00-07.00 น.
• ลงในเวลา 07.00-09.00 น.
• ส่วนเวลาตั้งแต่ 09.00-19.00 น.กำหนดให้รถยนต์ขึ้นและลงได้ตามปกติ
•  และหลัง 19.00 จะไม่ให้มีการขึ้น-ลง ของรถยนต์

เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และป้องกันการลักลอบล่าสัตว์ป่า การทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เขากระโจม   ในเวลา 21.00 เป็นต้นไป ทาง ตชด.137 ใคร่ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่พักค้างแรมบนเขากระโจม งดส่งเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ และรบกวนสัตว์ป่า

สำหรับค่าผ่านขึ้นเขากระโจม รถยนต์จะเสียค่าบิการขึ้นเขากระโจม คันละ 50 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของวัสดุสิ้นเปลือง เช่น  น้ำมันในการดึงน้ำมาใช้ในระบบสาธารณูปโภค ซึ่งระยะการดึงน้ำจากแหล่งน้ำนั้น อยู่ลึกลงไปจากสันเขา 400-500 เมตร และสะสมเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ต่อไป