ชาวสวนปาล์มก็ร้องราคาทะลุ10บาท แต่เงินในกระเป๋าไม่เพิ่ม

11 ม.ค. 2565 | 06:51 น.

รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติจี้รัฐเร่งแก้ปัญหาปุ๋ยแพง เผยปาล์มราคาทะลุ 10 กว่าบาทต่อกิโลกรัม แต่เงินในกระเป๋าเกษตรกรไม่ได้เพิ่ม เหตุผลผลิตเหลือ 25 เปอร์เซ็นต์-ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นเกือบ 6 บาทต่อกิโลกรัม

แม้ว่าสถานการณ์ราคาปาล์มจะทะลุกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัมไปแล้ว เกษตรกรควรจะมีรายได้เพิ่ม ในสถานการณ์ที่ราคาปาล์มสูงทำสถิติในรอบหลายสิบปี นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า แต่รายได้เกษตรกรนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้น ด้วย 2 ปัจจัย

 

1.ผลผลิตปาล์มในปัจจุบันมีแค่ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น   โดยปาล์มปีนี้ขาดคอ ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากอุณภูมิโลกและอุณภูมิในประเทศไทยที่สูงขึ้น  ไม่เฉพาะสวนเกษตรกรรายย่อยเท่านั้น แม้สวนที่มีการบริหารจัดการดีก็ไม่มีผลปาล์ม  และไม่เฉพาะประเทศไทย ในประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นผู้ผลิตปาล์มรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกัน ทำให้ราคาตลาดโลกสูงในปัจจุบัน

ชาวสวนปาล์มก็ร้องราคาทะลุ10บาท แต่เงินในกระเป๋าไม่เพิ่ม

ชาวสวนปาล์มก็ร้องราคาทะลุ10บาท แต่เงินในกระเป๋าไม่เพิ่ม

2.ราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นสูงมาก  ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ ยกตัวอย่างปุ๋ยสูตร 0-0-60 จาก 500 กว่าบาท ปรับเพิ่มเป็น 1,200 บาท  ปุ๋ยปรับราคาขึ้นทุกตัว แม่ปุ๋ยราคาปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาปุ๋ยผสมเสียอีก ทำให้ต้นทุนชาวสวนปาล์มขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 6 บาทแล้ว

 

ฉะนั้นจาก 2 ปัจจัยดังกล่าว ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มแทบจะไม่มีรายได้เพิ่ม ไม่ทำให้เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น จากราคาปาล์มที่สูงขึ้นเลย เมื่อดูจากปริมาณผลผลิตที่มีอยู่จริง และราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น

 

ชาวสวนปาล์มก็ร้องราคาทะลุ10บาท แต่เงินในกระเป๋าไม่เพิ่ม

รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวอีกว่า จากปัญหาราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น ณ ปัจจุบัน ยังสะท้อนราคาต้นทุนการผลิตปาล์มปรับเพิ่มขึ้นด้วย

 

“เท่าที่มีการคิดต้นทุนการผลิตภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ปุ๋ยราคาแพงแบบหยาบๆกับผู้นำเกษตรกรหลายๆกลุ่มตอนนี้พบว่าราคาต้นทุนปรับไปยืนอยู่ที่เกือบ 6 บาทต่อกิโลกรัม”

 

เมื่อเทียบกับราคาต้นทุนก่อนหน้านี้ อยู่ที่ประมาณ 3.07 บาทต่อกิโลกรัม แต่ตอนนี้ราคาปุ๋ยปรับขึ้นอีก 2 เท่าตัว ฉะนั้นถ้าหากแนวโน้มราคาปุ๋ยยังอยู่แบบนี้  แล้วเกิดจู่ ๆ ราคาปาล์มลดลงมาเหลือ 4-5 ต่อกิโลกรัม  ในขณะที่ปุ๋ยยังยืนราคาสูงอยู่แบบนี้ต่อไป เชื่อว่าเกษตรกรไม่ใส่ปุ๋ยแน่นอน มันใส่ไม่ได้เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาขาย

 

ฉะนั้น รัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ราคาปาล์ม ที่อาจจะลดลงในอนาคตต่ำกว่าราคา 6 บาทต่อกิโลกรัม และยังไม่สามารถแก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพงได้ โดยรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ควรจะไปหาวิธีการแก้ปัญหาราคาปุ๋ยไว้ได้เลย  เพราะถ้าราคาปาล์มลดลงมาเหลือประมาณ 6 บาทต่อกิโลกรัมเมื่อไหร่เป็นสัญญาณอันตราย 

 

รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับสถานการณ์ราคาปาล์มในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์หลังจากเดือนเมษายนอีกครั้ง เนื่องจากดูช่อดอกว่าจะเป็นอย่างไรและแนวโน้มผลผลิตปาล์มจะเพิ่มขึ้นหรือไม่