ส.ส.กระบี่ ปชป. ดันร่างพรบ.ปาล์มน้ำมันฯเข้าสภา

26 มิ.ย. 2564 | 03:13 น.

ฝันเกษตรกรสวนปาล์มใกล้ความจริง สอง ส.ส.กระบี่ ปชป. “สาคร-พิมพ์รพี” ร่วมดัน ร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันฯ เข้าสภาภายในปีนี้

วันที่ 26 มิถุนายน 2564 นายสาคร เกี่ยวข้อง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน และโครงสร้างราคา เพื่อสร้างความสมดุลและเกิดความเป็นธรรมให้แก่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ แถลงถึงความคืบหน้าในการพิจารณาว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนเดือนพฤศจิกายน 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเสนอต่อสภาฯ ได้ ภายในปี 2564ร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม จะเป็นกฎหมายที่ทำให้ระบบการบริหารจัดการอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอยู่ภายใต้กฎหมายเดียว เพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เป็นเอกภาพ และมีระเบียบ ข้อบังคับให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติ 

ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบให้มีศักยภาพในการผลิตการแปรรูป ตลอดห่วงโซ่อุปทาน  ด้วยการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติที่ประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ทำหน้าที่เสนอแนวทางการพัฒนา โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมต้องขึ้นทะเบียนและร่วมจ่ายสมทบเข้ากองทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมพร้อมทั้งมีบทลงโทษ หากมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม อีกทั้งร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันฯ จะมีกองทุนปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ที่จะทำให้การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตลอดห่วงโซ่อุปทานให้มีเสถียรภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม 

แนวทางการดำเนินกองทุนเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน    ให้มีเสถียรภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในระยะยาว 

“ร่างกฎหมายนี้เป็นความหวังของเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้มีกฎหมายที่จะทำให้เกิดเจ้าภาพหลักในการบริหารจัดการ ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน มีผลบังคับทุกภาคส่วน หากสภาช่วยกันผลักดันให้เกิดโครงสร้างที่เป็นธรรมผ่านกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นการรองรับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชาวสวนปาล์ม จากกฎหมายกองทุนน้ำมันที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี 2562 ที่กำหนดไม่ให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สโซฮอล หรือไบโอดีเซล และขีดเส้นตายไว้ว่าการอุดหนุนจะทำได้จนถึงปี 2569 หรืออีกสี่ปีข้างหน้าเท่านั้น ถ้ายังไม่ทำให้เกิดโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม เราอาจได้เห็นความล่มสลายของปาล์มน้ำมัน” นายสาคร กล่าว

ด้านดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล คณะอนุกรรมการฯ กล่าวถึงสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในปัจจุบันว่า จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ประจำเดือนพฤษภาคม 2564 คาดการว่า สต็อกน้ำมันถั่วเหลืองของสหรัฐ ฯ ลดต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยลดลงจาก 11,923 ตัน ในปี 2561 เหลือ 3,811 ตัน ในปี 2564 หรือลดลง 3 เท่า ส่งผลทำให้ราคาสงออกน้ำมันถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันพืชอื่น รวมถึงน้ำมันปาล์ม ในปี 2564 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ตลอดทั้งปี โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกเคลื่อนไหวเฉลี่ยตันละ 1,000 – 1,150 เหรียญสหรัฐ หรือกิโลกรัมละ 30 – 32 บาท 
ส่วนการปรับลดลงของราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกในช่วงต้นเดือน มิถุนายน 2564 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวของภาคความต้องการใช้ แต่อย่างไรก็ตามน้ำมันปาล์มดิบยังเป็นพืชน้ำมันที่มีราคาต่ำที่สุด ดังนั้นในระยะยาวราคาน้ำมันปาล์มดิบจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันถั่วเหลืองโลก คาดว่าในปี 2564 ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดมาเลเซียจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างตันละ 3,500 – 3,800 ริงกิต หรือ กิโลกรัมละ 26.00 – 29.00 บาท

 ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดการณ์ว่าตลาดภายในประเทศปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะสู่ตลาดสูงสุด ในช่วงไตรมาสที่ 2 และผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ค. - ธ.ค. 64 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2564 จะมีสต็อก 0.25 ล้านตัน ทำให้ราคาที่เกษตรกรขายได้เคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง และเกินกิโลกรัมละ 5.00 บาท ได้ตลอดทั้งปี แต่ราคาอาจอ่อนตัวลงบ้างในช่วง ก.ค. -ก.ย. เนื่องจากเป็นช่วงที่มีระดับสต็อกคงเหลือสูงกว่าระดับสต็อกที่เหมาะสมที่ 0.30 ล้านตัน โดยราคาที่เกษตรขายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงดังกล่าว จะขึ้นอยู่กับปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในเดือน พฤษภาคม 2564 มีการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์รวม 0.093 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.069 ล้านตัน ในเดือนเมษายน2564 ร้อยละ 34.78
 

ดร.พิมพ์รพี กล่าวด้วยว่า แม้ปีนี้ราคาปาล์มอยู่ในภาวะที่เกษตรกรพอที่จะหายใจได้คล่องขึ้น แต่ก็เป็นแค่สถานการณ์ในปีนี้ หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร คือการทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ยืนได้อย่างแข็งแรง ประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง เราจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้การสนับสนุนเงินทุนในการวิจัยและพัฒนา และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การตลาด และการแปรรูปของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สนับสนุนทุนสงเคราะห์ปลูกทดแทนปาล์มน้ำมันและพืชทดแทนอื่นในพื้นที่เดิม ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ  สร้างความเข้มแข็งในการรวมกลุ่มเกษตรกร

หลักสำคัญของกองทุนฯ ตามร่างกฎหมายที่เรากำลังพิจารณากันอยู่นี้ จะไม่ใช้เงินของกองทุนฯ ไปแทรกแซงราคา ซึ่งจะเป็นการทำลายกลไกตลาด กองทุนปาล์มน้ำมันฯ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน คือ ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เป็นผู้จัดเก็บและนำส่งเงินสมทบที่จัดเก็บจากการขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และผู้ประกอบการลานเททะลายปาล์มน้ำมัน ให้กองทุนฯ ในอัตราที่กำหนด รวมทั้งจากแหล่งเงินอื่นๆ เช่น ประเดิมจากรัฐบาล เงินงบประมาณประจำปี ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสำนักงบประมาณต่อไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยแนวทางการดำเนินงานของร่าง พ.ร.บ.ฯ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ปี 2561 - 2580 ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มมีศักยภาพ