จับตา “Gen X” เตรียมตัวอย่างไรก่อนก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย

13 พ.ย. 2564 | 01:59 น.

ม.มหิดล แนะศึกษาพฤติกรรม “Gen X” เตรียมพร้อมรับมือกลุ่มสึนามิประชากร ที่จะก้าวสู่ “ผู้สูงวัย” ในอนาคตอันใกล้

อัตราการเกิดของประชากรไทยที่สูงสุดอยู่ในปี 2514 ที่พบว่ามีเด็กเกิดใหม่มากถึง 1.2 ล้านคน จนเรียกว่าเป็น “ประชากรรุ่นเกิดล้าน” หรือเป็นกลุ่มที่เกิดระหว่างปี 2506-2526 มีอายุ 31-51 ปี กลุ่ม Gen X นี้กำลังกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่จะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในระยะเวลาอันใกล้  

 

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันฯ กล่าวว่า ในฐานะผู้บุกเบิกและมีบทบาทสำคัญในการสำรวจและวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรเพื่อการขับเคลื่อนในเชิงนโยบายของประเทศไทย

มหิดล

"ประชากรรุ่นเกิดล้าน" อยู่ในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2506 - 2526 ซึ่งนโยบายของประเทศไทยในขณะนั้น มุ่งไปที่การวางแผนครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมอยู่เป็นโสด ไม่แต่งงาน และมีลูกกันน้อยลง อัตราเกิดของประชากรไทยจึงลดต่ำลงไปด้วย

 

ดังนั้นจะเตรียมพร้อมนโยบายทางประชากรของประเทศไทยให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรของไทยอย่างไร เมื่อ "ประชากรรุ่นเกิดล้าน" ที่เกิดระหว่างปีพ.ศ.2506 - 2526 จะกลายเป็น "สึนามิประชากร" ที่เคลื่อนสู่ "ฝั่งผู้สูงวัย" ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

“การแก้ปัญหาอัตราเกิดต่ำ ด้วยการส่งเสริมให้ประชากรมีลูกกันมากขึ้น อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนักสำหรับสังคมไทย หากไม่ได้พิจารณาถึงคุณภาพของการเกิด หรือเกิดด้วยความไม่พร้อม ตัวเลขการเกิดของประชากรไทยในปีพ.ศ.2563 ซึ่งเป็นปีล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 587,000 คน และอาจมีแนวโน้มต่ำลงไปอีกประมาณ 2 - 3 หมื่นคนตามวิกฤติ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก”

 

โดยการประกาศจำนวนเกิดของประชากรไทยในแต่ละปีจะนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคมของปีนั้นๆ แล้วจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในอีกประมาณ 2 - 3 เดือนถัดไป

 

อย่างไรก็ดี ปัญหาเร่งด่วนมากกว่าปัญหาอัตราเกิดฮวบต่ำลงในขณะนี้ คือ การเตรียมพร้อมอย่างไรเมื่อสังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งประชากรที่เกิดในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2506 - 2526 ถือเป็นต้นแบบที่ดีที่สุดในการนำมาพิจารณาเป็นโจทย์เพื่อการศึกษาวิจัยให้ตอบสนองทิศทางความต้องการของผู้สูงวัยไทยในอนาคต โดยควรเน้นให้เตรียมพร้อมเรื่องสุขภาพ และระวังการใช้จ่าย หมั่นเก็บออมไว้เพื่ออนาคต"

 

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.อารี จำปากลาย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล คนปัจจุบัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจของสถาบัน นอกจากงานวิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากร ยังมีงานวิจัยเพื่อติดตามพฤติกรรมทางสุขภาพของประชากร ความเท่าเทียมทางการศึกษา ความเท่าเทียมทางเพศ แรงงานย้ายถิ่น หรือแม้แต่เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ฯลฯ

 

ที่ตอบโจทย์เกือบทุกเป้าหมาย SDGs เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งนอกจากเพื่อการขับเคลื่อนสู่นโยบายในระดับชาติแล้ว ยังได้ขยายผลสู่การสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติต่อไปอีกด้วย โดยสถาบันฯ พร้อมเดินหน้ารับใช้ประชาชน สร้างสรรค์งานวิจัยเพื่อส่งเสริมคุณภาพประชากรไทย และร่วมทำโลกนี้ให้มีอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป