ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาทะลุหลักแสนแล้ว

07 ธ.ค. 2563 | 23:15 น.

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาทะลุหลักแสนราย ตายกว่า 2 พันคน ขณะที่ไทยตรึงมาตรการสกัดเข้มแนวชายแดน-ตั้งโทษหนักขบวนการลักลอบเข้าประเทศ 

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา ยังอยู่ในขั้นวิกฤต กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมา รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,276 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 100,431 รายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 22 ราย สู่ระดับ 2,132 ราย ส่วนผู้ที่รักษาจนหายดีและได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วมี 79,240 ราย

 

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาทะลุหลักแสนแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเพียง 2 รายเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2563 โดยจำนวนผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อในเมียนมาแล้วนั้นมีทั้งสิ้น 1,307,744 ราย

 

ในส่วนของประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวพรมแดนติดกับเมียนมาและได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ข้ามชายแดน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกอง โรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร) แถลงวานนี้ (7 ธ.ค.) เกี่ยวกับความคืบหน้าผลการสอบสวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พบว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ย.- 7 ธ.ค.2563 มีจำนวนรวม 38 ราย โดย 20 รายเป็นการเข้ามาตามช่องทางถูกต้องตามที่ราชการกำหนดและเข้าอยู่ในสถานที่กักกันที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ตั้งแต่แรกเข้าประเทศ

 

ส่วนอีก 16 รายเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติและเดินทางเกี่ยวข้อง 7 จังหวัด คือ เชียงราย 5 ราย เชียงใหม่ 5 ราย กรุงเทพฯ 3 ราย พะเยา 1 ราย พิจิตร 1 ราย  และ 2 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศจากผู้ติดเชื้อที่ลักลอบเข้ามาจากท่าขี้เหล็ก เป็นชาย อายุ 28 ปี จ.เชียงรายและ หญิง อายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี

 

"สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทย ยังเป็นการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศเป็นหลัก แม้มีผู้ติดเชื้อในประเทศก็เพียง 2 ราย และเป็นการติดจากการใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อจาก กลุ่มลักลอบมาจากท่าขี้เหล็ก โดยรายที่เป็นชาย อายุ 28 ปี จ.เชียงรายนั้น มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเพราะเป็นเพื่อนกับชาวพะเยาที่ลักลอบกลับมาจากท่าขี้เหล็กแบบ 2 วัน 2 คืน ส่วนหญิง อายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี แม้ว่าจะร่วมเที่ยวบินเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ แต่บนเครื่องบินมีการบังคับ ใส่หน้ากากทุกคน จึงถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“นายกฯ” เข้ม สั่งจัดการขบวนการลักลอบพาคนข้ามแดน

ผู้ว่าฯ เชียงรายแจงพบติดเชื้อโควิดอีก 6 ราย “บิ๊กคลีนนิ่ง” 10 ธ.ค.นี้

แฉขบวนการลักลอบนำคนข้ามชายแดนจากท่าขี้เหล็ก โผล่ใช้ช่องทางแม่น้ำ โพสต์รับลูกค้าเอิกเกริก

 

โดยรายนี้ปัจจัยเสี่ยงจึงอยู่ที่ว่า ขณะที่อยู่ในสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องมีการสวมหน้ากากไม่ถูกต้องตกลงมาใต้จมูกและปาก ในช่วงจังหวะเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่ลักลอบมาจากท่าขี้เหล็ก 2 ราย ถือเป็นการติดเชื้อในวงจำกัด และยังไม่พบการติดเชื้อต่อจาก 2 รายนี้

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า การที่พบกลุ่มก้อนคนไทยติดโควิด-19 จากการกลับจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น จากการสอบถามสอบสวนโรคเป็นผู้ที่ทำงานในสถานบันเทิงแห่งเดียวกัน คือ 1G1 ในท่าขี้เหล็ก ที่อยู่ห่าง อ.แม่สาย เพียง 1.5 กม. ห่างจุดผ่านแดนถาวร 2-3 กม.เป็น โรงแรมสถานบันเทิงครบวงจร มีนักลงทุนต่างชาติมาร่วมทุน ภายในมีสิ่งบันเทิงครบวงจร ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ กาสิโน ซึ่งเป็นลักษณะห้องแอร์อากาศปิด คนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก จึงเสี่ยงในการรับและแพร่เชื้อต่อสูง

 

โดยข้อมูลจากผู้ป่วย แจ้งว่ามีคนไทยไปทำงานที่นั่นหลายร้อยคน ซึ่งสถานบันเทิงปิดบริการเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2563 เนื่องจากโควิด-19 ระบาดในเมียนมา คนไทยจึงทยอยกลับโดยลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ

 

เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบข้ามพรมแดนจากเมียนมามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติที่พบว่ามาทั้งทางบกและทางน้ำนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวผ่านแอพพลิเคชั่นพอดแคสต์ไทยคู่ฟ้าหัวข้อ "การรับมือกับ โควิด-19" ว่า หากเป็นการข้ามพรมแดนโดยผ่านด่านตรวจ ก็จะผ่านกระบวนการนำเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ แต่ปัญหาสำคัญคือ การข้ามพรมแดนโดยไม่เข้ามาทางช่องทางที่ถูกต้อง แต่เข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาไว้แล้ว คือ

(ขอบคุณภาพจาก เนชั่นทีวี)

แนวทางที่หนึ่ง ตามแนวชายแดน ได้สั่งการให้ ทหาร ตำรวจ และกองกำลังต่าง ๆ มีมาตราในการสร้างเครื่องกีดขวางในระยะที่หนึ่ง เพิ่มการลาดตระเวน 24 ชั่วโมง แต่ก็อาจจะมีการเล็ดลอดเข้ามาได้

แนวทางที่สอง คือ พื้นที่กระทรวงมหาดไทย พื้นที่ตอนในเข้ามา ที่จะต้องมีการสกัดกั้น ตั้งจุดสกัดต่าง ๆให้มีความพร้อมในการตรวจบุคคลเหล่านี้ที่จะเข้ามา

แนวทางที่สาม คือ ประชาชนในพื้นที่ต้องสังเกตคนที่เข้ามาในหมู่บ้าน แม้จะเป็นคนที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่อย่าลืมว่าเขาไปทำงานที่ต่างประเทศ จึงขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ ผู้ที่ละเมิดเข้ามา หากมีความจำเป็นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ เพราะถือว่าไม่รับผิดชอบต่อคนอื่นและสังคมโดยรวม  นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านไปแล้วในการตรวจสอบคัดกรอง ช่วยกันสกัดกั้นช่องทางธรรมชาติทั้งฝั่งประเทศไทยและฝั่งเมียนมา

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงหนึ่งว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาใช้ภาพถ่ายทางอากาศ หรือจากโดรน ดูว่าช่องทางใหม่ที่ใช้เข้ามามีช่องทางไหนอีกหรือไม่ เพื่อวางเครื่องกีดขวางและวางกำลังเพิ่มเติม

 

“ผมขอเตือนผู้ที่อยู่ในขบวนการลักลอบไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนเหล่านี้ จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างหนัก เพราะถือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายลักลอบพาคน เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ ส่วนเจ้าหน้าที่หากใครมีส่วนร่วมผมถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการผิดวินัย อย่างร้ายแรงจำเป็นจะต้องโทษตำรวจทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”

 

"มาตรการต่าง ๆที่ออกมาแล้วกำลังได้ผล มีคนจำนวนหนึ่งทำให้เกิดปัญหา เราต้องหาต้นตอปัญหานี้ให้เจอ และหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างไม่นิ่งนอนใจ และสถานการณ์โควิด ปีหน้าจะดีขึ้น จากการติดตามเรื่องวัคซีน เรามีความหวังและคาดหวัง เราทำทุกอย่าง อย่างดีที่สุด ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่ทำหน้าที่อย่างหนัก ถ้าช่วยกันแบบนี้ แก้ปัญหากันได้หมดทุกเรื่อง"นายกฯกล่าว