ประณามเรียกหัวคิว อนุกมธ.งบประมาณ

13 ส.ค. 2563 | 05:00 น.

ประณามเรียกหัวคิว อนุกมธ.งบประมาณ : บทบรรณาธิการฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3600 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.2563

 

ประณามเรียกหัวคิว

อนุกมธ.งบประมาณ
 

     การออกมาชี้แจงและแสดงความเห็นของ นายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการงบประมาณร่ายจ่ายปี 2564 บางรายเจรจาต่อรองเรียกรับเงิน แลกกับการไม่ถูกตัดงบประมาณของกรม เป็นเรื่องที่มิอาจรับได้และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และสภาผู้แทนราษฎร ต้องดำเนินการตรวจสอบ ชำระสะสางเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส
 

     การเจรจาต่อรองเรียกรับหัวคิวเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ เป็นการกระทำทุจริตแบบตรงๆ ที่ค่อนข้างล้าหลัง แต่ยังมีการใช้กันในสมัยนี้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย น่ารังเกียจและควรประณามในเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นจากผู้แทนปวงชนชาวไทย หรือแม้กระทั่งเกิดจากตัวแทนที่ส.ส.ตั้งเข้าไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ กรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในกรรมาธิการชุดต่างๆ ของรัฐสภา และพยายามอาศัยขอบเขตอำนาจของกรรมาธิการบิดเบือน หรือสร้างผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งในทางมิชอบต่อสังคม
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคลิปลับ ส.ส.ตบทรัพย์ อธิบดีกรมน้ำบาดาล

เปิดบทสนทนา “อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล” โดนเรียกใต้โต๊ะเงิน 5 ล้าน

แฉวิธีรีดใต้โต๊ะ "ศักดา วิเชียรศิลป์" อธิบดีน้ำบาดาล

"อธิบดีน้ำบาดาล" ยันถูกเรียกใต้โต๊ะแลกงบจริง  

     ในยามที่ประเทศตกอยู่ห้วงวิกฤติเศรษฐกิจหลังโควิด-19 หรือแม้กระทั่งในยามปกติทั่วไปก็ตาม การเรียกรับหัวคิวงบประมาณ กระทำการในลักษณะตบทรัพย์ ไม่ควรเกิดขึ้น และผู้ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ ตำแหน่ง จะต้องมีคุณธรรม จริยธรรมเหนือกว่าผู้อื่น ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไป ตรงมา ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ให้สมกับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบหมายให้ ผู้แทนต้องไม่กระทำการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
 

     แม้พฤติกรรมเรียกรับหัวคิวดังกล่าว อาจเกิดขึ้นเฉพาะบุคคล ดังที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาว่าไว้ แต่มิอาจปฏิเสธได้ว่าพฤติกรรมที่ว่านั้นได้ส่งผล
 

     กระทบต่อภาพลักษณ์ของผู้แทนราษฎร ผู้มีอำนาจหน้าที่และตำแหน่งให้เสียหายและยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น มั่นใจของนักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ หากยังคงปล่อยให้เรื่องเงียบหาย
 

     เราเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพียงแค่ตั้งกรรมการสอบสวนลอยๆ โดยขาดความมุ่งมั่นจริงจังในการแสวงหาข้อเท็จจจริงและหาตัวคนผิดมาลงโทษหาได้ไม่ ทั้งในส่วนของสภาฯ หรือปปช. ไม่ควรปล่อยให้ระยะเวลายืดยาวออกไป เหมือนกับการสอบสวนเรื่องราวต่างๆ ที่ส่อพฤติกรรมเช่นนี้ในอดีต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสังคมโดยรวม ต้องดำเนินการปกป้อง เชิดชูข้าราชการผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูล ทั้งในระดับบุคคลและภาพรวม ไม่ให้เกิดการใช้อำนาจกลั่นแกล้งรังแกผู้ที่กล้าออกมายืนหยัดต่อสู้ความจริง