เหนือเมฆ นายใหญ่เซียงไฮ้ไทยรับเบอร์ดอดเจรจาลับเบอร์ 2 ปชป.ชงเสนอตัวเป็นอนุกรรมาธิการตรวจสอบสต็อกยาง 1.04 แสนตัน กยท.มีอยู่จริงหรือไม่ หวั่นเป็นสต็อกลม ชี้เป็นจิตวิทยาเชิงลบทำให้คู่ค้าโลกดดราคาไทย พ่วงโปรเจคปุ๋ยอินทรีย์แลกเปลี่ยนยางพารา เพิ่มราคายางซื้อชี้นำราคา 5บาท/กก.นำร่องโมเดลบึงกาฬ วัดใจ ปชป.รับลูกต่อดำเนินนโยบายใช้สหกรณ์ทั่วประเทศ
บจก. เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์โปรดักส์ แจ้งเกิด จากการที่ “ฐานเศรษฐกิจ” เปิดประเด็นเป็นสื่อแรก "อุทัย" เปิดโปง! นายทุนจีนจ่อเช่าสวนยาง กยท. กว่า 2 หมื่นไร่ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 แล้วมีการเจรจากับนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้นส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยทั้งเกษตรกร พนักงานและสหภาพฯ แต่อีกด้านหนึ่งฝั่งผู้บริหารบริหารบริษัทก็ไม่ได้ย่อท้อเดินสายยื่นเรื่องผ่านศูนย์ดำรงธรรม พบประธานบอร์ด (พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข) ลงพื้นที่ให้พนักงานบางส่วนเห็นด้วยกับอภิมหาโปรเจค 6 แสนล้านบาทขอเช่าพื้นที่กว่า 2 หมื่นไร่เป็นระยะเวลา 30 ปี
ส่วนพื้นที่อีกด้านหนึ่งจะขอเช่าโรงงานน้ำยางข้น ขอเช่าใช้พื้นที่ 36 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับโรงเลื่อยและโรงงานน้ำยางข้น เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าขนาด 10 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โรง โรงงานลูกโป่ง โรงงานเฟอร์นิเจอร์ และโรงงานแปรรูปกากอุตสาหกรรม อีกด้านหนึ่งจะกันพื้นที่จำนวน 4,400 ไร่ เพื่อจัดทำโครงการสวนอุตสาหกรรมเกษตรและยางพาราใต้ และโครงการพัฒนาพันธุ์พืชของมูลนิธิชัยพัฒนา ในขณะนั้นการรายงานข่าวของฐานเศรษฐกิจ ทวีความเข้มข้น ขุดคุ้ย เจาะประเด็นทั้งแง่บริษัท ขาดความน่าเชื่อถือ จนในที่สุดโครงการดังกล่าวก็ล่มไป แต่ก็ยังไม่จบ!!
นายยงยุทธ์ คงสวัสดิ์ กรรมการบริหารบจก. เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์โปรดักส์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ล่าสุดได้พบกับนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อเสนอยุทธศาสตร์แก้ปัญหายางพาราตกต่ำ ให้มีราคาสูงขึ้น ไม่ใช่เป็นกลไกตลาดเทียมอย่างที่เป็นอยู่จึงขอให้ตรวจสอบสต็อกยางพาราการยางแห่งประเทศไทย 1.04 แสนตันให้โปร่งใสและนำเงินรายได้จากค่าเซสส์มาสนับสนุนปัจจัยการผลิตอื่นๆ และขอเสนอบุคคลเข้ารับตำแหน่งคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับหน้าที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไป
“พร้อมกับเสนอโครงการอินทรีย์แลกเปลี่ยนยางพารา เพิ่มราคายางซื้อชี้นำราคา 5 บาท/กก. ปัจจุบันเป็นโครงการริเริ่มของสหกรณ์การเกษตรเครือข่ายสภาเกษตรกรจังหวัดบึงกาฬจำกัดนำร่องเป็นโครงการแรก โดยเสนอให้เป็นนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแล ปกติสหกรณ์จะให้สินเชื่อปุ๋ยกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว.แต่โครงการนี้สหกรณ์การเกษตรเครือข่ายสภาเกษตรกรจังหวัดบึงกาฬ..ผลิตปุ๋ยอินทรีย์เองมีผลต่างของราคามากพอสมควรเมื่อได้กำไรแนะนำให้ปันผลกำไรกลับคืนให้สมาชิกสหกรณ์โดยกลับคืนผลกำไรไปเป็นการเพิ่มราคายาง 5บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเป็นการชี้นำราคาตลาดยางพาราเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลได้ด้วยอีกทางหนึ่ง
ยกตัวอย่างราคายางแผ่นดิบ ตลาดกลาง ขายได้ กิโลฯ ละ 35 บาท หากนำยางแผนดิบมาขายบวกให้ 5 บาท จะขายยางได้ 40 บาท/กก. จากเดิมสหกรณ์จะให้ปุ๋ยกับสมาชิกไปเป็นเครดิตอยู่แล้ว แต่แทนที่จะชำระเป็นเงิน ให้นำยางพารามาชำแทน แต่ราคายางที่มาชำระทางสหกรณ์จะบวกราคายางให้เพิ่มเติม โดยโมเดลนี้เริ่มแล้วที่สหกรณ์การเกษตรเครือข่ายสภาเกษตรกรจังหวัดบึงกาฬนำร่อง จึงได้นำเสนอท่านอลงค์กรณ์ไปให้เป็นโมเดลกับสหกรณ์ทั้งประเทศเชื่อว่าราคายางพาราในประเทศจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้แน่นอน โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเสียเงินแม้สักบาทเดียว