นิสสันเล็งปลดพนักงานกว่าหมื่นคนทั่วโลก หลังยุคฉาว ‘คาร์ลอส กอส์น’
นิสสัน มอเตอร์ มีแผนเตรียมลดจำนวนพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วโลกเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ทางการเงินของบริษัท สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานข่าวดังกล่าวโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม ทั้งนี้ นิสสันกำลังเผชิญความยากลำบากในการปรับปรุงยกเครื่องการบริหารงานในองค์กรหลังจากเกิดคดีฉาวนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานของนิสสัน ถูกจับกุมดำเนินดคีที่ประเทศญี่ปุ่นในข้อหาฉ้อโกงและนำสินทรัพย์ของบริษัทไปใช้เป็นการส่วนตัว
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นรายนี้ เคยประกาศแผนลดคนงานทั่วโลกมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นประกาศตัวเลขเพียง 4,800 คน ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่คนงานโรงงานในต่างประเทศของนิสสันที่อัตราการใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับต่ำ รายละเอียดของแผนการลดคนงานครั้งล่าสุดซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจะสูงกว่า 10,000 คนนั้น บริษัทจะเปิดเผยพร้อมกับผลประกอบการในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ นายโคจิ โอคุดะ โฆษกของบริษัท กล่าวผ่านสื่อว่า ไม่สามารถให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนวันแถลงผลประกอบการ
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศ รายงานว่า นิสสันมีการจ้างงานพนักงานทั่วโลก 139,000 คน การปรับลดจำนวนบุคลากรครั้งนี้คาดว่าจะเกิน 7% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด และการที่นิสสันจำเป็นต้องตัดสินใจลดคนงานก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาท้าทายที่ นายฮิโรโตะ ไซคาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบัน กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนอกจากปัญหาแนวโน้มผลประกอบการที่มีกำไรลดลงจากอุปสงค์ของตลาดที่แผ่วลงแล้ว ยังมีเรื่องของสัมพันธภาพที่คลอนแคลนและขาดความแน่นอน ระหว่างนิสสันกับบริษัท เรโนลต์ ที่เป็นพันธมิตรในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานของนิสสัน และอดีตประธานเรโนลต์ ถูกจับกุมดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่นในข้อหาฉ้อโกงบริษัท (นิสสัน) และนำสินทรัพย์ของบริษัทไปใช้เป็นการส่วนตัว แต่เขายังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นายไซคาวะซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของนิสสันในปัจจุบัน กำลังพยายามสะสางปัญหาหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในปัญหาใหญ่ในเวลานี้คือ ยอดขายที่กำลังลดลงในสหรัฐอเมริกา หนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของนิสสัน แม้ว่าบริษัทจะมีกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายด้วยการให้สิทธิประโยชน์จูงใจดีลเลอร์ในพื้นที่อยู่มากก็ตาม ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นิสสันคาดหมายผลกำไรจากการดำเนินการ(เฉลี่ยรายปี) ที่ลดลง 28% นับเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเมื่อปี 2561 ที่กำไรจากการดำเนินการลดลงมาแล้ว 45% และหากเป็นไปตามคาด นิสสันก็จะมีผลประกอบการแผ่วที่สุดในรอบ 11 ปี
ผลประกอบการจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม(2562) ของนิสสัน กำไรสุทธิลดลงมาแล้ว 57.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561 ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากยอดขายรถทั่วโลกของนิสสันตกลง 4.4% มาอยู่ที่ระดับเพียง 5.52 ล้านคัน
ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ นิสสันยังต้องเผชิญกับการทำสงครามราคากับบรรดาคู่แข่งรายอื่นๆ แต่หลังจากนี้ บริษัทจะฉีกแนวทางการแข่งขันจากที่เคยเชือดเฉือนกันด้วยราคา มาเป็นการออกรถรุ่นใหม่ๆที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น จากยุคของคาร์ลอส กอส์น ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในแนวนอน นิสสันในยุคใหม่จะหันมาเน้นการปฏิรูปองค์กรเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
นอกเหนือจากการพลิกฟื้นผลประกอบการ ผู้บริหารของนิสสันยังมุ่งเสริมสร้างสัมพันธภาพกับบริษัท เรโนลต์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น และมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันได้มากขึ้น เนื่องจากในระยะหลังๆ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองบริษัทไม่ดีนักหลังจากที่เรโนลต์พยายามเพิ่มบทบาทการควบคุมการบริหารงานในนิสสันมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรโนลต์ถือหุ้นในกิจการของนิสสันอยู่ถึง 43% ขณะที่นิสสันเองก็ถือหุ้น(แบบไม่สิทธิ์ออกเสียงในบอร์ดบริหาร) ของเรโนลต์อยู่ 15%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
● เมืองไทยลุ้นระทึก "ฟอร์ด-นิสสัน" ปรับลดพนักงานทั่วโลก
● แถลงแล้ว นิสสันยืนยันหั่น 12,500 ตำแหน่งทั่วโลกภายใน 3 ปี