จับตาลงทุน 2 แสนล้านบาท ของ 'เอ็กซอน โมบิล' ส่อสะดุด! หลังหาพื้นที่ 700-900 ไร่ บริเวณท่าเรือแหลมฉบังไม่ได้ ที่ดินแต่ละแปลงติดปัญหา โยนให้ 'คณิศ' ชี้ขาด 3 แนวทางเลือก ภายใน 2 เดือน ก่อนหอบเงินลงทุนหนีไปตั้งที่เวียดนาม หรือ จีน แทน
ตัวแทนบริษัท เอ็กซอน โมบิลฯ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และผู้บริหาร บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้มีการหารือกับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างโครงการปิโตรเคมีส่วนต่อขยาย โดยปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่กำลังการผลิต 1.74 แสนบาร์เรลต่อวัน ที่มีอยู่ปัจจุบัน ให้ได้แนฟทาเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานแดรกเกอร์ ผลิตเป็นโพลิเมอร์ หรือ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก เพื่อส่งออก
[caption id="attachment_280224" align="aligncenter" width="503"]
©esso.co.th[/caption]
โดยผลของการหารือดังกล่าว พบว่า ยังไม่สามารถหาพื้นที่ก่อสร้างได้ เนื่องจากพื้นที่ที่ เอ็กซอน โมบิล ต้องการ 700-900 ไร่ และมีเงื่อนไขห่างจากท่าเรือแหลมฉบังและโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตรนั้น มีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ประกอบกับทาง
เอ็กซอน โมบิล มีเวลาให้ฝ่ายไทยพิจารณาหาพื้นที่ก่อสร้างโรงงานเพียง 1-2 เดือน หากไม่สามารถจัดหาพื้นที่ให้ได้ ก็จะย้ายการลงทุนมูลค่าราว 1.6-2 แสนล้านบาท ไปยังเวียดนามหรือจีนแทน
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) ได้มอบหมายให้ท่าเรือแหลมฉบังและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ไปศึกษาในรายละเอียดของสถานที่ตั้งโรงงานปิโตรเคมีครบวงจรของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล เพื่อดึงการลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามานั้น
จากการหารือล่าสุดพบว่า
พื้นที่ขนาด 700-900 ไร่ ที่เอ็กซอน โมบิล ต้องการ และเป็นพื้นที่ว่างเปล่านั้น ไม่มีเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าหากรัฐบาลต้องการดึงเม็ดเงินมาลงทุนจริง มี 3 แนวทางเลือกที่ต้องตัดสินใจ โดยแนวทางแรกจะใช้พื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีพื้นที่บนบกราว 500 ไร่ นำไปดำเนินการ
แต่ติดปัญหาว่า ทางรัฐบาลจะยอมให้พื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ที่ปัจจุบันเป็นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ถูกนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหนักหรือไม่ และปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวใช้พื้นที่จอดรถยนต์ของค่ายรถยนต์รายหนึ่ง จะยอมให้มีการตั้งโรงงานปิโตรเคมีหรือไม่
ส่วนแนวทางที่ 2 จะเป็นการนำพื้นที่อู่ซ่อมเรือของ บริษัท ยูนิไทยฯ ซึ่งได้เช่าที่ดินจากท่าเรือแหลมฉบังราว 700 ไร่ จะหมดสัญญาเช่าภายในปี 2563 แต่มีปัญหาว่า ทางเอ็กซอน โมบิล จะชะลอการลงทุนออกไปหรือไม่
ส่วนแนวทางที่ 3 ทางท่าเรือแหลมฉบังได้เสนอให้ใช้พื้นที่ป่าไม้ของกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาอยู่ติดกับโรงกลั่นเอสโซ่
แต่ติดปัญหาว่า จะสามารถนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ให้กับเอกชนได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นป่าสงวน
[caption id="attachment_280226" align="aligncenter" width="503"]
ท่าเรือแหลมฉบัง[/caption]
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากการเสนอทั้ง 3 แนวทาง
ทางเอ็กซอนได้เลือกแนวทางที่ 1 และ 2 โดยจะเข้าหารือกับนายคณิศในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ว่าจะสามารถจัดหาพื้นที่ให้ได้หรือไม่ เพราะทางเอ็กซอนมีระยะเวลาในการตัดสินใจไม่เกิน 2 เดือนนี้
หากไม่สามารถจัดหาพื้นที่ได้ เอ็กซอน โมบิล จะย้ายการลงทุนไปประเทศเวียดนามหรือจีนแทน แต่ที่ให้โอกาสกับไทยก่อน เพราะรัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และมีโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่เป็นฐานการผลิตวัตถุดิบที่สำคัญอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้น ระหว่างนี้ต้องขึ้นอยู่กับทางนายคณิศ หรือ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะต้องเร่งพิจารณาหรือหาทางออก โดยใช้อำนาจของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน
[caption id="attachment_280227" align="aligncenter" width="503"]
คณิศ แสงสุพรรณ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.)[/caption]
"การจัดหาที่ตั้งโรงงานตามที่เอ็กซอนขอมา คงเป็นเรื่องลำบาก เพราะเป็นที่ดินแปลงใหญ่ และแต่ละแปลงที่มีโอกาสนำมาใช้ได้ ก็ติดปัญหา ดังนั้น ขั้นตอนต่อไป เมื่อมีแนวทางเลือกออกมาแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับนายคณิศจะพิจารณาหรือหาทางออกอย่างไร หากต้องการดึงการลงทุนให้อยู่ในประเทศ"
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,354 วันที่ 5-7 เม.ย. 2561 หน้า 11
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
'เอ็กซอน' ลุ้นใช้พื้นที่ป่า! ตั้งโรงงานปิโตรเคมี 2 แสนล้าน - ชงนายกฯ ไฟเขียวตาม พ.ร.บ.อีอีซี
●
'เอ็กซอน' วิ่งหาที่อีอีซี 900 ไร่! เล็งที่ธนารักษ์ใกล้โรงกลั่นเอสโซ่ ผุดคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมี 2 แสนล้าน