กกร.จ่อพบ “เศรษฐา”จี้แก้สินค้าจีนท่วมตลาด กระทบมั่นคงเศรษฐกิจ

08 ก.ย. 2566 | 08:31 น.

สภาอุตฯชี้สินค้าจีนถล่มตลาดไทยทุกทิศทาง กระทบความมั่นคงเศรษฐกิจ ทุบผู้ผลิตทยอยปิดกิจการ ระบุเรื่องซีเรียสเตรียมขอพบ“เศรษฐา” ในนาม กกร.จี้เร่งแก้ไขปัญหาด่วนก่อนสายเกินแก้ นักวิชาการชี้ 90% ค้าออนไลน์เป็นสินค้าจากจีน จับตาหากแก้ไม่ได้ ทยอยปิดโรงงานหันนำเข้าแทน

จีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 (ส่งออก+นำเข้า) เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 (รองจากสหรัฐ) ปี 2565 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไทย จีนขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นอันดับ 1 และปี 2562 ก่อนเกิดโควิด จีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ที่มาเที่ยวไทย อย่างไรก็ดีจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้สินค้าจีนส่งออกไปยังสหรัฐ และสหภาพยุโรป (อียู) ถูกกีดกันการค้ามากขึ้น ส่งผลให้สินค้าจีนมุ่งหน้ามายังอาเซียน(รวมไทย)ในฐานะตลาดอันดับ 1 ของจีนเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เวลานี้มีสินค้าจีนที่ถือเป็นโรงงานผลิตของโลกถูกส่งมาจำหน่ายในตลาดอาเซียน ซึ่งรวมทั้งไทยเพิ่มมากขึ้นในทุกทิศทาง ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ทั้งเพื่อการค้าออฟไลน์ และออนไลน์ เฉพาะอย่างยิ่งในสินค้าเพื่อขายออนไลน์ หากมูลค่าไม่เกิน 10,000 บาท ไทยมีข้อตกลงกับจีนว่าสามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้ไม่ต้องเสียภาษี ส่งผลช่วงหลายปีที่ผ่านมามีสินค้าจีนเข้ามาถล่มตลาด ผู้ผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศได้รับผลกระทบมากขึ้นทุกขณะ

โดยเวลามีสมาชิกของ ส.อ.ท.ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมมากกว่า 20 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าวิตกและซีเรียส เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หากภาคการผลิตของไทยต้องหยุดหรือเลิกกิจการไปจำนวนมากจากผลกระทบดังกล่าว

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

“จีนผลิตสินค้าออกมาเยอะมาก โดยผลิตเป็นแมส เมื่อไปตลาดหลักคือสหรัฐ และอียูไม่ได้ หรือได้น้อยลง ก็ต้องมาตลาดรองคือเอเชีย และอาเซียน ซึ่งสินค้าจีนทะลักเข้ามาไทยไม่ใช่ประเทศเดียว แต่ทุกประเทศแถบนี้โดนหมด ขึ้นกับแต่ละประเทศจะมีมาตรการหรือการคุมเข้มเรื่องการนำเข้าอย่างไร เช่น อินโดนีเซียใช้มาตรการในเรื่องมาตรฐานสินค้า เรื่องความปลอดภัยเป็นตัวสกัดสินค้าราคาถูก แต่ของไทยเราไม่มีมาตรการที่รัดกุมรองรับ”

ในเรื่องนี้ทาง ส.อ.ท.ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดจะได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือในประเด็นเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องสินค้าจีนว่าจะมีมาตรการใหม่ ๆ เข้ามากำกับดูแลอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นผลกระทบจะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ

กกร.จ่อพบ “เศรษฐา”จี้แก้สินค้าจีนท่วมตลาด กระทบมั่นคงเศรษฐกิจ

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า สินค้าจีนล้นตลาดไทยมาหลายปีแล้ว และสินค้าที่ขายกันในออนไลน์ 90% เป็นสินค้าจีน เพราะราคาถูก ซึ่งกระทบผู้ผลิตไทยแน่นอน หากรัฐบาลไม่มีมาตรการแก้ไขผู้ผลิตไทยจะล้มหายไปเรื่อย ๆ สุดท้ายต้องเปลี่ยนอาชีพจากผู้ผลิตสินค้ามาเป็นผู้นำเข้าสินค้าจีนมาจำหน่ายแทน จากสินค้าที่ผลิตเองสู้ไม่ได้