นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาสแรก ปี 2568 บริษัทได้รับอานิสงส์อย่างต่อเนื่องจากทิศทางอุตสาหกรรมอาหารโลกที่ขยายตัวได้ดีตามความต้องการอาหารทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ที่สะดวกรวดเร็วในการบริโภค และตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ที่เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยเอง มองเห็นสัญญาณบวกจากอุตสาหกรรมอาหารส่งออกปี 2568 ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องจากปี 2567 ที่สามารถทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์
อ้างอิงตัวเลขจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสถาบันอาหาร คาดว่าการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปีนี้ จะมีมูลค่า 1.75 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.8% จากปี 2567 ที่มีมูลค่าประมาณ 1.63 ล้านล้านบาท เติบโต 7.3% จากปี 2566
โดยกลุ่มสินค้าที่การส่งออกเพิ่มขึ้นและมีอัตราขยายตัวสูง 2 อันดับแรก ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น 30.5% ตามแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และอาหารพร้อมรับประทาน ขยายตัว 30.2% ตามทิศทางตลาดที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจผันผวนและค่าครองชีพสูง ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสินค้าที่สร้างความสะดวกรวดเร็วในการบริโภคมากขึ้น
“ไทย เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าอาหารสำคัญของโลก อุตสาหกรรมอาหารมีสัดส่วนถึง 24.6% ของ GDP ขณะที่กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ยังคงเป็นดาวเด่นในปีนี้ และมีส่วนผลักดันให้ตลาดบรรจุภัณฑ์เติบโตในทิศทางเดียวกัน”
อย่างไรก็ดี ปี 2568 เป็นปีที่บรรจุภัณฑ์ทุกประเภทต้องตอบโจทย์ทั้งเรื่องความยั่งยืน ความสะดวก และนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ขับเคลื่อนเมกะเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นยุคแห่งการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน หรือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดขยะ ลดการใช้พลาสติก และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือ ย่อยสลายได้ อาทิ ไบโอพลาสติก (Biodegradable Plastic) ทำมาจากพืช เป็นต้น แม้ว่ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ไบโอพลาสติกจะมีราคาที่สูง แต่ผู้บริโภคยินยอมจ่ายสูงขึ้นเพื่อความยั่งยืน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่าน หรือ ‘ทรานส์ฟอร์ม’ ธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร เป็นอีกโจทย์ที่ต้องเตรียมความพร้อมรับมือ เพราะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารอย่างรวดเร็ว โดยพบการแทรกซึมของ AI ทั้งในขั้นตอนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การออกแบบ รวมถึงการเลือกวัตถุดิบและการควบคุมคุณภาพ ฯลฯ
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ปี 2568 เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบของ เอกา โกลบอล เพื่อยกระดับองค์กร ‘ทรานส์ฟอร์ม’ ธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการผลิต ฯลฯ
ซึ่งน่าจะเห็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นรูปธรรมภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทไม่หยุดนิ่งในการวิจัยและพัฒนา (R&D) บรรจุภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งเรื่องของความปลอดภัย สุขภาพ รสชาติ หรือ แม้แต่ความยั่งยืน ฯลฯ
“บริษัทฯ ศึกษาการนำ AI มาใช้ในธุรกิจเป็นเวลากว่า 7 – 8 เดือนแล้ว เพราะมองเห็นความสำคัญของการทรานส์ฟอร์มสู่ยุค AI เราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม และก้าวนำอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ที่เก่งด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ มีโอกาสเข้ามากดดันผู้ประกอบการไทยอย่างแน่นอน”
ส่วนเป้าหมายยอดขายในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากทั้งตลาดในไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่คาดว่าจะมียอดขายเติบโตกว่า 30 – 40% จากการรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่
ขณะที่คำสั่งซื้อล่วงหน้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกือบเต็มกำลังการผลิตรวมโรงงานไทยและอินเดียแล้ว กว่า 2,850 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการวิจัยและศึกษา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ร่วมกับบริษัทลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้