KEY
POINTS
ภาพรวมตลาดแรงงานไทยในช่วงก้าวสู่ปี 2569 สะท้อนความท้าทายสำคัญด้านการสรรหาบุคลากรคุณภาพ เมื่อกว่า 67% ขององค์กรเปิดเผยว่า ผู้สมัครยังขาดทักษะและประสบการณ์ที่ตรงตามความต้องการ ส่งผลให้การแข่งขันดึงดูด “คนเก่ง” มีความเข้มข้นสูงขึ้น ทั้งในระดับผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูง
ด้านแนวโน้มการจ้างงาน องค์กรกว่า 33% วางแผนเพิ่มการจ้างงานอีก 5–10% ในปีหน้า ขณะที่อีก 40% จะรักษาระดับการจ้างงานเดิม สอดคล้องกับทิศทางเชิงบวกของการปรับขึ้นเงินเดือน โดย 97% ของนายจ้างมีแผนปรับเพิ่มค่าตอบแทน ซึ่งตรงกับความคาดหวังของพนักงานกว่า 93% ที่คาดว่าจะได้รับการขึ้นเงินเดือนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความกังวลยังปรากฏชัดในมุมพนักงานราว 60% ที่กังวลว่าทักษะของตนจะตาม AI ไม่ทัน เนื่องจากขาดการฝึกอบรม ขณะที่กว่า 60% มองว่าค่าตอบแทนและสวัสดิการไม่สอดคล้องความคาดหวังเป็นอุปสรรคสำคัญในการหางานใหม่ ปัจจัยหลักที่พนักงานใช้ในการเลือกงานยังคงยึดค่าตอบแทนที่แข่งขันได้ (60%) ความยืดหยุ่น (44%) และความมั่นคงของงาน (37%) เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ
นางสาวปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ระบุว่า แนวโน้มการสรรหาที่เน้น “ทักษะมากกว่าคุณวุฒิ” (skills-based hiring) จะทวีความสำคัญมากขึ้นในปีหน้า องค์กรต้องการผู้สมัครที่สามารถสร้างคุณค่าได้ทันที ทำให้กระบวนการคัดเลือกใช้เวลานานขึ้นแต่มีความแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเสริมว่าบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทางและพร้อมเริ่มงานทันที (ready-to-go talent) มีแนวโน้มได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 15–20%
นอกจากการสรรหาตามทักษะแล้ว การพัฒนาทักษะใหม่ (reskilling) ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญ เมื่อกว่า 60% ของพนักงานให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมภายในองค์กรเพื่ออุดช่องว่างทักษะ ขณะที่องค์กรเองจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาทักษะบุคลากรเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและรองรับสภาพแวดล้อมธุรกิจที่ผันผวน
ในบริบทที่ตลาดแรงงานไทยมีอัตราว่างงานต่ำและมีจำนวนผู้สมัครลดลง การพัฒนาทักษะและการสรรหาแบบเน้นทักษะจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดทิศทางความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว
บทบาทผู้นำองค์กรจะโดดเด่นเป็นพิเศษในปี 2569 เมื่อหลายบริษัทชะลอการจ้างงานทั่วไป แต่หันมาให้ความสำคัญกับการดึงตัว “ผู้บริหารระดับสูง” เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์และสร้างเสถียรภาพ นางสาวนัฐติยา ซอล ผู้อำนวยการ บริษัท โรเบิร์ต วอลเทอร์ส ระบุว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่ากระทบภาคส่งออกและท่องเที่ยว ทำให้องค์กรต้องการผู้นำที่ยืดหยุ่น มีวิสัยทัศน์ และสามารถพาทีมฝ่าความไม่แน่นอนได้
แต่การสรรหาผู้บริหารยังคงเผชิญข้อจำกัด ทั้งจำนวนผู้สมัครที่เหมาะสมมีไม่มาก ความคาดหวังค่าตอบแทนที่สูง (53%) รวมถึงความลังเลของผู้บริหารกว่า 26% ในการเปลี่ยนงาน ขณะเดียวกันการแข่งขันแย่งตัวเพิ่มความรุนแรงจากข้อเสนอ counteroffers และการดึงตัวกลับ (buy-backs) ที่อยู่ในระดับกว่า 26%
องค์กรยังเพิ่มการประเมิน soft skills ในตำแหน่งผู้นำ โดยเฉพาะความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน ความฉลาดทางอารมณ์ และทัศนคติที่ดี ทำให้ผู้นำท้องถิ่นที่เข้าใจตลาดไทยมีความได้เปรียบในการนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางการแข่งขันดึงบุคลากรที่มีศักยภาพ องค์กรไทยจำเป็นต้องเน้นกลยุทธ์รักษาพนักงานเป็นพิเศษ โดยกว่า 74% ของนายจ้างเตรียมปรับขึ้นเงินเดือน 2–4% ในปีหน้า ขณะที่กว่า 35% จะเพิ่มค่าตอบแทนให้พนักงานใหม่ 1–5% และอีกกว่า 21% พร้อมเพิ่มถึง 11–15% เพื่อดึงตัวบุคลากรคุณภาพ
วัฒนธรรมองค์กรแบบ “human-centric” หรือเน้นคนเป็นศูนย์กลาง กำลังถูกให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเน้นการสร้างความไว้วางใจ การเห็นอกเห็นใจ การเรียนรู้ต่อเนื่อง และการพัฒนาทักษะผู้นำ สิทธิประโยชน์ที่องค์กรไทยนิยมมอบให้ยังคงรวมถึงโบนัสประจำปี (มากกว่า 90%) ประกันสุขภาพเอกชน (มากกว่า 69%) และเบิกค่าเดินทาง (มากกว่า 53%) ซึ่งล้วนช่วยลดการลาออกในองค์กรที่ต้องเผชิญการแข่งขันบุคลากรสูง
การใช้ AI ในตลาดแรงงานไทยเริ่มขยายตัว โดยกว่า 37% ขององค์กรนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพด้านกำลังคน และอีกกว่า 30% ใช้ในงานด้านอื่น ๆ โดยงานที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกทดแทนด้วย AI ได้แก่ งานธุรการ บัญชี การเงิน และไอที
องค์กรขนาดใหญ่เริ่มนำ AI เข้ามาช่วยตั้งแต่การประกาศงาน การจัดตารางสัมภาษณ์ ไปจนถึงระบบประเมินผู้สมัครแบบเสมือนจริง ทำให้กระบวนการคัดเลือกเร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้น แม้บทบาท AI จะขยายตัว แต่ผู้สรรหายังคงเป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากต้องใช้วิจารณญาณและทักษะมนุษย์ในการเลือกบุคลากร