ค้าปลีกเร่งเครื่อง 11.11 สู้ศึกดีลเดือด ดึงทราฟฟิก-กู้กำลังซื้อโค้งท้ายปี

07 พ.ย. 2568 | 06:04 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2568 | 06:16 น.

สมรภูมิ 11.11 ปีนี้เปลี่ยนโฉม เมื่อผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ปรับเกมจากมหกรรมลดราคา สู่การแข่งขันด้าน "ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ" โดย Central Retail, The Mall Group, และ found & found ต่างเร่งใช้กลยุทธ์ Omnichannel

KEY

POINTS

  • ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ยกระดับแคมเปญ 11.11 เป็นกลยุทธ์ออมนิชาแนลเต็มรูปแบบ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและดึงดูดลูกค้าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
  • เซ็นทรัล รีเทล ชูความเป็นผู้นำออมนิชาแนล โดยเชื่อมต่อทุกช่องทางการขายทั้งห้าง, แอปพลิเคชัน และโซเชียลคอมเมิร์ซอย่าง TikTok Shop
  • เดอะมอลล์ กรุ๊ป เน้นใช้ความแข็งแกร่งของพื้นที่ค้าปลีกและฐานสมาชิกบัตร M Card เพื่อสร้างทราฟฟิกและยอดขายในห้างสรรพสินค้าโดยตรง
  • การแข่งขันได้เปลี่ยนจากสงครามราคา (Price War) ไปสู่การสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ (Experience War) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

เดือนพฤศจิกายนได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ใช้ตัดสินชี้วัดกำลังซื้อโค้งสุดท้ายของปีอย่างแท้จริง เมื่อผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ของไทย นำโดยกลุ่มห้างสรรพสินค้าและผู้ค้าสินค้าเฉพาะทาง ประกาศยกระดับแคมเปญ "11.11"

จากมหกรรมอีคอมเมิร์ซให้กลายเป็นยุทธศาสตร์ "ออมนิชาแนล" เต็มรูปแบบ เพื่อเร่งดึงทราฟฟิกและกระตุ้นการจับจ่ายที่ถูกอั้นมาตลอดปี โดยการแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ "ราคา" แต่ขยายไปสู่ "ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ" และการเจาะอินไซต์ลูกค้าผ่านทุกแพลตฟอร์ม

การเข้าสู่สมรภูมิ 11.11 ของผู้เล่นรายใหญ่ สะท้อนความพยายามในการใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหัวหอกในการกู้กำลังซื้อ ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โดยแต่ละค่ายต่างงัดกลยุทธ์เฉพาะตัวมาสู้ศึกอย่างดุเดือด

เซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำผู้นำ Omnichannel เชื่อมทุกช่องทาง

กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล (Central Retail) ได้ใช้แคมเปญ “Central - Robinson 11.11 Sale 2025” เป็นเครื่องตอกย้ำความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม โดยเน้นคอนเซ็ปต์ "ดีลเด่นถูกใจ ไอเทมถูกชะตา" ที่พยายามตอบโจทย์อินไซต์ลูกค้าว่า การลดราคาไม่พอ แต่สินค้าที่ขายก็ต้องตรงกับความต้องการเฉพาะตัวด้วย

ค้าปลีกเร่งเครื่อง 11.11 สู้ศึกดีลเดือด ดึงทราฟฟิก-กู้กำลังซื้อโค้งท้ายปี

กลยุทธ์สำคัญคือการเชื่อมต่อสิทธิพิเศษและดีลพรีเมียมในทุกช่องทางการช้อปปิ้งอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน, Central App, บริการ Chat & Shop ไปจนถึงการรุกเข้าสู่แพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัวผ่าน Live Streaming สดบน "Central TikTok shop" ซึ่งเป็นการปรับตัวเข้าหาช่องทางที่มี Engagement สูง เพื่อเปลี่ยนยอดชมเป็นยอดขายจริง

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ใช้กำลังซื้อในห้างเป็นฐานทัพหลัก

ขณะที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เลือกใช้ความแข็งแกร่งของพื้นที่ค้าปลีกและฐานลูกค้าในกลุ่มบัตรสมาชิก M Card และพันธมิตรบัตรเครดิต โดยจัดแคมเปญ “11.11 Super Day Super Deal” เป็นระยะเวลานานถึง 13 วัน (31 ต.ค. – 12 พ.ย. 2568) ครอบคลุมห้างสรรพสินค้าทุกสาขาและทุกแบรนด์ในเครือ เช่น เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน

ค้าปลีกเร่งเครื่อง 11.11 สู้ศึกดีลเดือด ดึงทราฟฟิก-กู้กำลังซื้อโค้งท้ายปี

การแข่งขันของเดอะมอลล์ กรุ๊ป มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Traffic และ Volume ในร้านค้าจริงผ่านโปรโมชั่นที่ดุดัน เช่น การมอบส่วนลดและเงินคืนรวมสูงสุด 10%, โปรโมชั่น Shock Deal 1 ฟรี 1 กว่า 200 รายการ รวมถึงการมอบคะแนนสะสมพิเศษ 1,100 Point สำหรับสมาชิกบัตร M Card ในวันที่ 11 พ.ย. เท่านั้น ซึ่งเป็นการใช้พลังของ Traditional Retail ในการดึงลูกค้าให้เข้ามาช้อปปิ้งและสะสมยอดในห้างโดยตรง

found & found ปรับเกมความงามรุก Community Commerce

ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า แต่ผู้ค้าสินค้าเฉพาะทางก็ใช้ 11.11 เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างธุรกิจเช่นกัน โดยเฉพาะ "found & found" บิวตี้เดสติเนชันที่เน้นสินค้าจากญี่ปุ่น-เกาหลี ได้ใช้แคมเปญ “11.11 found WOW SALE” ในการเดินหน้ารุกกลยุทธ์ Omnichannel อย่างเต็มกำลัง

ค้าปลีกเร่งเครื่อง 11.11 สู้ศึกดีลเดือด ดึงทราฟฟิก-กู้กำลังซื้อโค้งท้ายปี

Found & found ไม่เพียงแต่ขยายช่องทางช้อปออนไลน์ครบทุกแพลตฟอร์ม (Lazada, Shopee, TikTok Shop) แต่ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ Community Commerce ด้วยการเปิดโอกาสให้ Influencer และ KOL เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตะกร้ารับคอมมิชชันและสร้างคอนเทนต์แบบเรียลไทม์บน TikTok Shop ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการสร้างความน่าเชื่อถือและการตัดสินใจซื้อที่รวดเร็ว เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าความงามนำเข้า

11.11 ในปีนี้ได้พัฒนาจากมหกรรมลดราคาสินค้า (Price War) ไปสู่สนามรบของ "ประสบการณ์" (Experience War) ที่ผู้ค้าปลีกต่างแข่งขันกันมอบความสะดวกสบายและความคุ้มค่าแบบไร้รอยต่อ ตั้งแต่การเข้าถึงสินค้าพรีเมียมผ่านดีลส่วนลดสูงสุด 80% ไปจนถึงการผสานโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่า ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ต้องเร่งใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายที่ถูกชะลอไว้ และสร้างยอดขายเพื่อประคองผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี