KEY
POINTS
เดือนพฤศจิกายนได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ใช้ตัดสินชี้วัดกำลังซื้อโค้งสุดท้ายของปีอย่างแท้จริง เมื่อผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ของไทย นำโดยกลุ่มห้างสรรพสินค้าและผู้ค้าสินค้าเฉพาะทาง ประกาศยกระดับแคมเปญ "11.11"
จากมหกรรมอีคอมเมิร์ซให้กลายเป็นยุทธศาสตร์ "ออมนิชาแนล" เต็มรูปแบบ เพื่อเร่งดึงทราฟฟิกและกระตุ้นการจับจ่ายที่ถูกอั้นมาตลอดปี โดยการแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ "ราคา" แต่ขยายไปสู่ "ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ" และการเจาะอินไซต์ลูกค้าผ่านทุกแพลตฟอร์ม
การเข้าสู่สมรภูมิ 11.11 ของผู้เล่นรายใหญ่ สะท้อนความพยายามในการใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหัวหอกในการกู้กำลังซื้อ ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โดยแต่ละค่ายต่างงัดกลยุทธ์เฉพาะตัวมาสู้ศึกอย่างดุเดือด
กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล (Central Retail) ได้ใช้แคมเปญ “Central - Robinson 11.11 Sale 2025” เป็นเครื่องตอกย้ำความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม โดยเน้นคอนเซ็ปต์ "ดีลเด่นถูกใจ ไอเทมถูกชะตา" ที่พยายามตอบโจทย์อินไซต์ลูกค้าว่า การลดราคาไม่พอ แต่สินค้าที่ขายก็ต้องตรงกับความต้องการเฉพาะตัวด้วย
กลยุทธ์สำคัญคือการเชื่อมต่อสิทธิพิเศษและดีลพรีเมียมในทุกช่องทางการช้อปปิ้งอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน, Central App, บริการ Chat & Shop ไปจนถึงการรุกเข้าสู่แพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัวผ่าน Live Streaming สดบน "Central TikTok shop" ซึ่งเป็นการปรับตัวเข้าหาช่องทางที่มี Engagement สูง เพื่อเปลี่ยนยอดชมเป็นยอดขายจริง
ขณะที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เลือกใช้ความแข็งแกร่งของพื้นที่ค้าปลีกและฐานลูกค้าในกลุ่มบัตรสมาชิก M Card และพันธมิตรบัตรเครดิต โดยจัดแคมเปญ “11.11 Super Day Super Deal” เป็นระยะเวลานานถึง 13 วัน (31 ต.ค. – 12 พ.ย. 2568) ครอบคลุมห้างสรรพสินค้าทุกสาขาและทุกแบรนด์ในเครือ เช่น เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน
การแข่งขันของเดอะมอลล์ กรุ๊ป มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Traffic และ Volume ในร้านค้าจริงผ่านโปรโมชั่นที่ดุดัน เช่น การมอบส่วนลดและเงินคืนรวมสูงสุด 10%, โปรโมชั่น Shock Deal 1 ฟรี 1 กว่า 200 รายการ รวมถึงการมอบคะแนนสะสมพิเศษ 1,100 Point สำหรับสมาชิกบัตร M Card ในวันที่ 11 พ.ย. เท่านั้น ซึ่งเป็นการใช้พลังของ Traditional Retail ในการดึงลูกค้าให้เข้ามาช้อปปิ้งและสะสมยอดในห้างโดยตรง
ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า แต่ผู้ค้าสินค้าเฉพาะทางก็ใช้ 11.11 เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างธุรกิจเช่นกัน โดยเฉพาะ "found & found" บิวตี้เดสติเนชันที่เน้นสินค้าจากญี่ปุ่น-เกาหลี ได้ใช้แคมเปญ “11.11 found WOW SALE” ในการเดินหน้ารุกกลยุทธ์ Omnichannel อย่างเต็มกำลัง
Found & found ไม่เพียงแต่ขยายช่องทางช้อปออนไลน์ครบทุกแพลตฟอร์ม (Lazada, Shopee, TikTok Shop) แต่ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ Community Commerce ด้วยการเปิดโอกาสให้ Influencer และ KOL เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตะกร้ารับคอมมิชชันและสร้างคอนเทนต์แบบเรียลไทม์บน TikTok Shop ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการสร้างความน่าเชื่อถือและการตัดสินใจซื้อที่รวดเร็ว เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าความงามนำเข้า
11.11 ในปีนี้ได้พัฒนาจากมหกรรมลดราคาสินค้า (Price War) ไปสู่สนามรบของ "ประสบการณ์" (Experience War) ที่ผู้ค้าปลีกต่างแข่งขันกันมอบความสะดวกสบายและความคุ้มค่าแบบไร้รอยต่อ ตั้งแต่การเข้าถึงสินค้าพรีเมียมผ่านดีลส่วนลดสูงสุด 80% ไปจนถึงการผสานโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่า ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ต้องเร่งใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายที่ถูกชะลอไว้ และสร้างยอดขายเพื่อประคองผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี