ค้าปลีกเด้งรับ ‘คนละครึ่งพลัส’ สาดเงินสะพัด 6–7 หมื่นล้าน อัดโปรแรงลด 20–50% ซื้อ 1 แถม 1

24 ต.ค. 2568 | 21:05 น.

“คนละครึ่งพลัส” อัดฉีดเม็ดเงินภาคค้าปลีกสะพัด 6 –7 หมื่นล้านบาท ห้างพาเหรดจัดแคมเปญหนุน “เดอะมอลล์” คาดยอดใช้จ่ายหมวดอุปโภคบริโภค–ร้านอาหารโตกว่า 10% ห้างภูธรผนึกกำลังดันโปร ลด 20–50% ซื้อ 1 แถม 1 ล่อใจ

KEY

POINTS

  • โครงการ "คนละครึ่งพลัส" คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคค้าปลีกได้กว่า 6-7 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี
  • ผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วประเทศขานรับนโยบายด้วยการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เช่น ลดราคาสินค้า 20-50% และซื้อ 1 แถม 1
  • มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย บรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน และช่วยฟื้นฟูผู้ประกอบการรายย่อย

โครงการคนละครึ่งพลัส ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้มหลาม เห็นได้จากการเข้าร่วม 20 ล้านสิทธิ์ที่หมดไปอย่างรวดเร็วโดยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 10 ชม. ซึ่งโครงการดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินว่า จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคค้าปลีกได้กว่า 6 – 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทำให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะค้าปลีกต้องเตรียมความพร้อมรองรับกำลังซื้อที่จะเข้ามา

นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศมาตรการเศรษฐกิจ ชุดแรก เริ่มเห็นสัญญาณบวกของบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี เชื่อว่าจะเป็นจังหวะสำคัญที่ภาคค้าปลีกสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยโครงการคนละครึ่งพลัส จะช่วยให้ GDP ไทยขยายตัวได้ราว 0.21–0.22% เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการดังกล่าว ตามการประเมินของกระทรวงการคลัง ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงปลายปี และช่วยกระตุ้นยอดขายของภาคค้าปลีก โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอีในระดับชุมชน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้ฟื้นตัว

“สมาคมเสนอว่า ในเฟสถัดไปของโครงการ “คนละครึ่ง” ภาครัฐควรพิจารณาเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้าทุกขนาดสามารถเข้าร่วมได้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเลือกซื้อสินค้าอย่างทั่วถึงและเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น”

ด้านนางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า นโยบายคนละครึ่งพลัสถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในช่วงปลายปี และเพื่อต่อยอดนโยบายภาครัฐ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เตรียมจัดแคมเปญพิเศษในทุกศูนย์การค้าในเครือ

ทั้ง เดอะมอลล์, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ จะเป็นแรงเสริมสำคัญที่ช่วย เพิ่มยอดใช้จ่าย ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านอาหารได้ไม่น้อยกว่า 10% พร้อมทั้งกระตุ้นทราฟฟิกในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เติบโตต่อเนื่อง

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์

“ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุด และเดอะมอลล์ กรุ๊ป พร้อมทำหน้าที่เป็น “ฟันเฟืองสำคัญ” ในการสร้างแรงส่งเชิงบวก เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์จริงในระบบค้าปลีก และทำให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียนอย่างแข็งแรงทั้งนี้ รายละเอียดของแคมเปญพิเศษที่ใช้รองรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้”

ขณะที่เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้า รายใหญ่ในภาคเหนือ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทเตรียมจัดโปรโมชันสินค้า ภายใต้โครงการ Local Low Cost เพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเข้ามาจากโครงการคนละครึ่งพลัส

ด้วยการลดราคาสินค้า 20-50% หรือ 1 แถม 1 เช่น กลุ่มใหญ่อย่างของใช้ในครัวเรือน แชมพู สบู่ ยาสีฟัน รวมถึงของกินและขนม นอกจากนี้ยังมีสิทธิแลกซื้อในกลุ่มสินค้าบางตัวที่ร่วมกับซัพพลายเออร์ คาดหวังว่าให้เกิดการกระตุ้นการซื้อมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 10-20%

ค้าปลีกเด้งรับ ‘คนละครึ่งพลัส’ สาดเงินสะพัด 6–7 หมื่นล้าน อัดโปรแรงลด 20–50% ซื้อ 1 แถม 1

ด้านนายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ในภาคอีสาน กล่าวว่า เงินก้อนแรกของโครงการคนละครึ่งพลัสที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ จะถูกกระจายจากชาวบ้านซึ่งถือเป็นกลุ่มคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างแท้จริง มาสู่ร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ

โดยกลุ่มผู้ประกอบการห้างภูธรรายใหญ่มากกว่า 90 ราย ก็ได้รวมตัวกันจัดทำโครงการ Local Low Cost เพื่อกระตุ้นยอดขายและกระตุ้นการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 1-15 พ.ย. 2568 ซึ่งตรงกับช่วงใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งพลัสพอดี ประเมินเบื้องต้นน่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับการจัดโครงการในปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายเติบโตขึ้นไม่ถึง 10%

โดยปกติกลุ่มผู้ประกอบการ LMT ก็จัดทำโครงการ Local Low Cost ทำโปรโมชันลดราคา เพื่อกระตุ้นยอดขายและเศรษฐกิจด้วยตัวเองอยู่แล้วทุกปี แต่ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมค้าปลีก-ค้าส่งไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น สิ่งที่กลุ่มผู้ประกอบการ LMT ทำคือ

1.จัดโปรโมชันพิเศษ สร้างการรับรู้ให้ผู้คนเริ่มพูดถึงและเตรียมตัว ซึ่งเป็นกลไกการกระตุ้นตลาดโดยตรง

2. การลดราคาตามที่บริษัทซัพพลายเออร์กำหนดมา

3.ดึงดูดลูกค้าโดยตรงด้วยสิทธิแลกซื้อ เช่น ซื้อของในร้านครบ 169 บาท จะมีสิทธิ์แลกซื้อสินค้าราคาถูกมากกว่าปกติ โดยจำกัดจำนวนชิ้นต่อคน

4.การจับรางวัลจากใบเสร็จลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้วเขียนชื่อ-นามสกุลไว้ ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างการทำ โครงการ Local Low Cost ของตั้งงี่สุน แต่รายการโปรโมชั่นและกิจกรรมต่างๆ จะแตกต่างกันไปเฉพาะของร้าน

ค้าปลีกเด้งรับ ‘คนละครึ่งพลัส’ สาดเงินสะพัด 6–7 หมื่นล้าน อัดโปรแรงลด 20–50% ซื้อ 1 แถม 1

นายอานุภาพ คงมาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในทุกช่วงที่ภาครัฐออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทมักเข้าร่วมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง แม้บางโครงการ เช่น “คนละครึ่งพลัส” มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. จะไม่ได้เข้าร่วมโดยตรง แต่ก็จะจัดกิจกรรมทางการตลาดคู่ขนาน

เพื่อสอดรับกับบรรยากาศการจับจ่ายและคืนกำไรให้ลูกค้า สำหรับช่วงปลายปี 2568 ซึ่งมีโครงการ “คนละครึ่งพลัส” มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เตรียมเดินหน้าแคมเปญ Brand Sale ต่อเนื่อง โดยเพิ่มส่วนลดจาก 40% เป็นสูงสุดถึง 50% พร้อมจัดกิจกรรม Shop & Show ชิงรางวัลใหญ่ iPhone 17 Pro และเวาเชอร์มูลค่า 3,000 บาท รวมกว่า 200 รางวัล

“แม้กำลังซื้อบางส่วนจะไหลไปยังร้านค้ารายย่อยผ่านโครงการของรัฐ แต่เรามั่นใจว่าลูกค้าของเรายังมีหลากหลายกลุ่มอาชีพ และส่วนใหญ่ยังคงกลับมาซื้อของจำเป็นกับมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เราจึงไม่เพียงแต่เกาะกระแส แต่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น”

เช่นเดียวกับ “โรบินสันไลฟ์สไตล์” ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ขานรับนโยบายโครงการคนละครึ่งพลัส และร่วมมือกับร้านค้าและบริการภายในศูนย์การค้าที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 350 ร้านค้า เปิดตัวกิจกรรม “โรบินสันไลฟ์สไตล์ชวนใช้คนละครึ่ง รัฐจ่ายให้ 50%” เชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิ์จับจ่ายใช้สอย ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. 68 - 31 ธ.ค. 68 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 นี้ ให้คึกคักและต่อยอดให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

โดยกิจกรรมนี้ ศูนย์การค้าได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าและประชาชนผ่านช่องทางการสื่อสารภายในศูนย์การค้าฯ และสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ ขั้นตอนการลงทะเบียน ระยะเวลาโครงการ และหมวดหมู่สินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ได้ โดยครอบคลุมหมวดหมู่ตั้งแต่ร้านอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา เสริมความงาม ทำเล็บ และทำผม

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,143 วันที่ 26 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568