มติครม. เคาะลดค่าไฟ-ลดภาษีดีเซล ตั้ง "ลวรณ" นั่งปลัดคลังคนใหม่

13 ก.ย. 2566 | 05:15 น.

ข่าวด่วน มติครม.เศรษฐา ทวีสิน นัดแรก ล่าสุด 13 ก.ย. 66  เห็นชอบลดค่าไฟเหลือ 4.10 บาท - ลดภาษีดีเซล 2.50 บาท ขยายเวลา Vat 7% อีก 1 ปี และตั้ง "ลวรณ แสงสนิท" นั่งปลัดคลังคนใหม่

วันนี้ (13 ก.ย.66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มติครม.ล่าสุดวันนี้ (13ก.ย.66) เห็นชอบ

1. ลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 2.50 บาท เริ่ม 20 กันยายน ถึง สิ้นปี 31 ธ.ค. 66  

2. ลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาท จาก 4.45 บาท เริ่มรอบบิลกันยายนนี้ 

3. ขยายเวลา Vat 7% ต่อไปอีก 1 ปี เพื่อลดภาระประชาชน

4. ครม.มีมติแต่งตั้ง นายลวรณ แสงสนิท เป็นปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่

นายจุลพันธ์ กล่าวถึงรายละเอียดว่า ที่ประชุมครม. นัดแรก เห็นชอบการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มต้นแต่วันที่ 20 กันยายน – 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะเป้นหนึ่งกลไกในการช่วยให้ราคาน้ำมันปรับลดลงเหลือไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้ ส่วนการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินนั้น ขณะนี้ยังรอการพิจารณาในระยะต่อไป

ส่วนการลดค่าไฟฟ้า จะปรับลดลงโดยในงวดสุดท้ายของปีนี้ คือ ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 จะปรับลงมาอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย ถึงสิ้นปี 2566 เช่นกัน และที่ต้องทำควบคู่กันคือการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ปรับลดราคาในอนาคต เบื้องต้นอาจจะต้องใช้งบประมาณประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยรายละเอียดทั้งหมดกระทรวงพลังงานจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป

“เรื่องของไฟฟ้าสิ่งที่ทำเดิมจากรัฐบาลก่อน จริง ๆ ยังมีกลไกอื่นที่ต้องคุยกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเป้าหมายที่ทำยังสามารถดูแลได้อีก และลดราคาค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ โดยที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันว่าสามารถทำได้อีก” นายจุลพันธ์ ระบุ

ต่อมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงที่ประชุมครม.วันนี้ ว่า ได้เสนอเรื่องปรับลดราคาพลังงานต่อที่ประชุม ครม. ทันทีหลังเสร็จการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวาน โดยครม. รับทราบและเห็นชอบกับแนวทางของกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท 

ส่วนเบนซิน เบื้องต้นจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบควบคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตรตามมติคณะกรรมการบริหารพลังงานอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ราคาเบนซินลดลงได้ในระดับหนึ่ง 

พร้อมกันนี้จะร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดราคาเบนซินให้กลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เบนซินเพื่อการประกอบอาชีพที่เรียกว่ากลุ่มเปราะบาง เช่น มอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง และแท๊กซี่ โดยเร่งด่วนต่อไป 

ส่วนไฟฟ้าปรับลดจากราคาหน่วยละ 4.45 บาทเหลือ 4.10 บาท โดยจะดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปอีกเพื่อหาทางปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้เหลือไม่เกินหน่วยละ 4 บาท 

ส่วนก๊าซหุงต้มตามแนวโน้มตลาดโลกจะขึ้นทุกปลายปีเพราะเป็นช่วงฤดูหนาวจะทำให้ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศไทยสูงตามไปด้วย แต่เราจะตรึงราคาไว้ที่ 423 บาทสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคาเดิมต่อไป

ทั้งนี้ยังระบุว่า กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาแนวทางและมาตรการอื่นๆ ต่อไปเพื่อทำให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน และเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน