นายปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด (Food Factors) เปิดเผยว่า กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด (KTR) ร้านซานตา เฟ่ สเต๊ก (Santa Fe’ Steak) ตามแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่
ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 836,997 ล้านบาท โดยร้านอาหารบริการด่วนมีมูลค่าประมาณ 105,962 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.7% ของทั้งตลาด และร้านอาหารเดลิเวอรี่ สั่งกลับบ้านมีมูลค่าประมาณ 29,180 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.5%
นอกจากนี้ Euromonitor (ยูโรมอนิเตอร์) ประเมินธุรกิจร้านอาหารเดลิเวอรี่และสั่งกลับบ้านจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11.7% ต่อปี และคาดว่าภายในปี 2565 มูลค่าตลาดร้านอาหารบริการด่วนจะมีมูลค่า 138,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 5.5%
สำหรับปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างลำบากสำหรับกลุ่มธุรกิจอาหารไม่ว่าจะเป็นของหวาน ของคาว ทั้งระดับบนและระดับล่าง จากสถานการณ์โควิด นอกจากนี้ยังทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของทั้งฝั่งผู้บริโภค และผู้ให้บริการอย่างชัดเจน
กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงมีการทำอาหารกินที่บ้านเพิ่มมากขึ้น หรือสั่งอาหารไปทานที่บ้านเพิ่มขึ้น ออกจากบ้านน้อยลง ที่สำคัญคือกำลังทรัพย์ในกระเป๋าน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากภาคธุรกิจโดยรวม ทำให้การใช้เงินลดลงตามไปด้วย ทำให้ธุรกิจหมวดหมู่ร้านอาหารบริการด่วน(QSR), ส่งสินค้าถึงบ้าน(Delivery) และสั่งกลับบ้าน(Take Away) เติบโตขึ้นตามไปด้วย
ในส่วนของผู้ให้บริการอย่างแรกที่เห็นคือการล้มหายตายจากลงไป เหลือเพียงเชนใหญ่ๆที่มีสายป่านยาวพอ แต่ตอนนี้หลายๆธุรกิจก็เริ่มขาดทุนในส่วนของ ฟู้ด แฟคเตอร์ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาได้เร่งพัฒนาในเรื่องของคุณภาพ ทั้งคุณภาพในการให้บริการ ศักยภาพของพนักงานและทีมงานที่จะให้บริการในทุกๆสาขา รวมทั้งคุณภาพของอาหารและรสชาติอาหาร
โดยเฉพาะซานตาเฟ่ที่เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จากโอกาส และช่องว่างทางการตลาด ซึ่งได้ปรับตัวและต่อยอดจากธุรกิจเดิม แตกไลน์โมเดลร้านรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “SANTA FE’ EASY” (ซานตา เฟ่ อีซี่) ที่เน้นความรวดเร็วในราคาคุ้มค่า
“นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวไปข้างหน้าของกลุ่ม santafe ภายใต้การบริหารของฟู้ดแฟคเตอร์ในการที่จะขยับขยายการให้บริการในรูปแบบใหม่ในรูปแบบของ quick service restaurant
ถ้าเราไม่สามารถรักษาความเร็วได้เราก็ไม่สามารถเอาชนะในตลาดนี้ได้ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ในส่วนของคุณภาพอาหารยังคงจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่เราต้องยึดถือปฏิบัติเป็นโจทย์ข้อแรกนั่นก็คือการให้บริการอย่างมีคุณภาพในเวลาที่เรากำหนด
ในช่วงแรกเราอาจจะเปิดสาขาได้ไม่เยอะเพราะเป็นธุรกิจที่ขยายจากส่วนกลาง และเป็นธุรกิจที่ขยายมาจากแฟรนไชส์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องโฟกัสคือการให้บริการและจุดด้อย จุดเสียที่เรายังต้องพัฒนา ถ้าเราไม่เปลี่ยน เราไม่พัฒนา ก็ไม่สามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้”
ด้าน นายสุรชัย ชาญอนุเดช CEO บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด กล่าวว่า “SANTA FE’ EASY” (ซานตา เฟ่ อีซี่) ถูกวางตัวให้เป็นโมเดลร้านอาหารขนาดเล็ก เน้นเปิดให้บริการในศูนย์การค้าขนาดเล็ก หรือ คอมมูนิตี้มอลล์, สถานีบริการปั๊มน้ำมัน และอาคารสำนักงาน(ออฟฟิศ) รวมถึงทำเลที่มีผู้บริโภคชื่นชอบและต้องการร้านอาหารบริการด่วน
โดยมีเป้าหมาย ขยาย “SANTA FE’ EASY” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านโมเดลธุรกิจการขยายร้านในรูปแบบแฟรนไชส์ในอนาคต เนื่องจากรูปแบบร้านที่มีขนาดเล็ก เงินลงทุนต่ำ บริหารจัดการง่าย ทำให้เพิ่มโอกาสในการเปิดร้าน
ทั้งนี้บริษัทได้วางงบการลงทุนราว ๆ 100 ล้านบาท สำหรับการขยาย ร้านซานตา เฟ่ รูปแบบฟูลเซอร์วิส 140 ตารางเมตร จำนวน 9 แห่ง, ร้านซานตา เฟ่ อีซี่ 80-100 ตารางเมตร จำนวน 6 แห่ง และร้านเหม็งนัวนัว จำนวน 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยดันรายได้ของบริษัทให้เติบโต 30% หรือ 1,800 ล้านบาท จากปี 2563 ที่รายได้ลดลง 30%
ปัจจุบันซานตา เฟ่ ดำเนินธุรกิจอาหารมานานกว่า 17 ปี มีสาขาให้บริการกว่า 114 แห่งทั่วประเทศ โดยบริษัทมีแผนขยายซานตา เฟ่ อีซี่ 200 สาขาทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: