สิงห์ทุ่ม5พันล. สยายปีกกลุ่มฟู้ด บุกตลาดไทย-เทศ

01 พ.ย. 2562 | 07:50 น.

 

เปิดแผน “ฟู้ด แฟคเตอร์” ทุ่ม 5,000 ล้านบาท กรุยทางธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแบบครบวงจรเต็มตัว พร้อมผนึกพันธมิตรเฟ้นหาโปรดักต์แชมเปี้ยนเสริมทัพเครือข่ายไทย-เทศ หวังสร้างแกร่งขาธุรกิจที่ 6 ปั้นรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี

นายปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด (Food Factors) เปิดเผยว่า ภายหลังช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการทำงานเพื่อให้มีความชัดเจนและมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ผ่าน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.สินค้า ทั้งในกลุ่มเครื่องดื่ม อาหาร และซอสต๊อด 2. Food Network การใช้เครือข่ายในการขยายสินค้า และ 3.รีเทล การเข้าซื้อกิจการร้านอาหารต่างๆ ภายใต้กรอบการลงทุน 5,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปี (2561-2565) ในการลงทุนเครือข่ายและสินค้าให้แก่บริษัท ซึ่งแน่นอนว่ากรอบการลงทุนของบริษัทไม่ได้จำกัดแค่ตัวเลขดังกล่าว หากแต่ยังพร้อมที่จะทุ่มเม็ดเงินหากมีโปรเจ็กต์หรือดีลใหม่ๆที่น่าสนใจเข้ามา

 

“ในส่วนของ Food Network ที่ผ่านมาเรามีการสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทผ่านการขายสินค้าในกลุ่ม เบียร์ โซดา และน้ำ เป็นหลัก แต่นับจากนี้ไปเรามองการขยายเน็ตเวิร์กให้ใหญ่ขึ้น ผ่าน 3 ส่วนสำคัญในการขยายแผนงานได้แก่ BRF หรือ B -Beverage, R-Retial และ F-Food เพื่อสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศตามเป้าหมายที่วางไว้”

สิงห์ทุ่ม5พันล. สยายปีกกลุ่มฟู้ด บุกตลาดไทย-เทศ

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโปรดักต์แชมเปี้ยน (สินค้าเรือธง) เพื่อสร้างเครือข่าย (Food Network) ในการขยายตลาดของบริษัททั้งในและต่างประเทศในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าขึ้นมาเอง, การเข้าซื้อกิจการ การร่วมทุน และการซื้อเครือข่าย (Network) ในต่างประเทศ โดยในเร็วๆนี้บริษัทอาจจะได้มีการรวมเครือข่ายกับรายอื่นๆ อีก 2-3 ราย ในการสร้างการเติบโตในส่วนดังกล่าว จากปัจจุบันที่บริษัทมีโปรดักต์แชมเปี้ยนเพียง 2 รายการ ได้แก่ ซอสต๊อด และสาหร่ายมาชิตะ เท่านั้น โดยวางเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าจะสามารถปั้นโปรดักต์แชมเปี้ยนของบริษัทได้เป็น 25 รายการเพื่อสร้างการเติบโตต่อไป พร้อมกับการเดินหน้าสร้าง Food Valley ที่จังหวัดอ่างทองให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารให้สำเร็จ

สิงห์ทุ่ม5พันล. สยายปีกกลุ่มฟู้ด บุกตลาดไทย-เทศ

ปิติ ภิรมย์ภักดี

 “ในส่วนของเน็ตเวิร์กในต่างประเทศของเราต้องยอมรับว่าล้าหลังกว่าแผนงานพอสมควร เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องของโปรดักต์แชมเปี้ยน ที่ยังมีไม่เพียงพอในการขยายตลาดให้ครอบคลุม ซึ่งแน่นอนว่านับจากนี้หากมีพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศที่มีเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งแน่นอนว่าการมาของคู่ค้าทางธุรกิจเราจะต้องดูว่ามาเสริมในส่วนไหนและทำอะไรให้แก่เครือบุญรอดได้บ้าง”

 

 ขณะที่ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรีเทล นั้นล่าสุดบริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 1,500 ล้านบาทในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เคที เรสทัวรองท์ฯ (KT) หรือร้านซานตา เฟ่ สเต็ก เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 88% ซึ่งถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ เพื่อผลักดันกลุ่มธุรกิจอาหารให้เป็น 1 ใน 6 เสาหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท โดยวางเป้าหมายที่จะมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหาร 4,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า

 นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายในส่วนของธุรกิจรีเทลหรือร้านอาหารในเครือของฟู้ด แฟคเตอร์ จะต้องมีจำนวนสาขาอยู่ที่ 50  สาขาในอีก 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมกับมีแบรนด์ร้านอาหารใหม่ในเครือเกิดขึ้นทั้งแบรนด์ที่พัฒนาเอง และแบรนด์ที่บริษัทจะเข้าไปร่วมทุนซื้อกิจการอีก 2-3 แบรนด์ในอีก 2 ปีข้างหน้า

 อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมาย 5 ปี กับการเติบโตเพิ่มอีก 5 เท่าตัว หรือมีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันในส่วนของฟู้ด แฟคเตอร์ ธุรกิจซัพพลายเชนมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของเครือบุญรอดที่มีอยู่ทั้งสิ้น 6 ขาธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจเบียร์-โซดา 2. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วหรือ บางกอกกล๊าส 3.ธุรกิจภูมิภาค 4.สิงห์ เอสเตท 5.บุญรอดซัพพลายเชน และ 6.ธุรกิจอาหารในนาม ฟู้ด แฟคเตอร์

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3518 ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2562