“จุรินทร์”มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบเทอม เร่งศก.โต 3% ชงประกันข้าว-ปาล์มเข้าครม.วันนี้

27 ส.ค. 2562 | 00:39 น.

ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ในงานดินเนอร์ ทอล์คของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลใหม่” (26 ส.ค.2562) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นปาฐกถา ร่วมกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอีกหลายกระทรวง 

โดยช่วงของนายจุรินทร์ ได้สร้างความสนใจต่อผู้ร่วมงานอย่างมาก โดยตอนหนึ่งนายจุรินทร์ได้เล่านาทีการทำงานร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถือว่าเป็นรัฐบาลผสม และยืนยันว่ารัฐบาลผสมสามารถยืนหยัดบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างราบรื่นได้ โดยได้ยกตัวอย่าง เช่น รัฐบาลชวน2 (นายกฯชวน หลีกภัย) ปี 2541 - 2543 รัฐบาลผสมชุดนั้นมีเสียงปริ่มน้ำเช่นกัน เพราะเสียงเกินกว่าฝ่ายค้านแค่ 18 เสียงขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็เป็นประธานวิปรัฐบาล แต่ก็สามารถบริหารราชการแผ่นดินจนกระทั่งอยู่ได้ครบเทอมได้จะขาดก็เพียงแค่สัปดาห์เดียวจึงยุบสภา

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลงานและการบริหารราชการเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและและตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลผสมชุดนี้ไม่ต่างกัน ถ้าบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีผลงานปรากฏเป็นรูปธรรมยังประโยชน์ให้กับบ้านเมืองจริงๆและปฏิบัติภารกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว เสียงปริ่มน้ำนั้นก็จะไม่เป็นอุปสรรคปัญหาอีกต่อไป

 “จุรินทร์”มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบเทอม เร่งศก.โต 3% ชงประกันข้าว-ปาล์มเข้าครม.วันนี้

สำหรับหัวข้อทางด้านเศรษฐกิจในวันนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน ซึ่งจะเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศเรา บวกกับเรื่องค่าเงินบาทแข็งและบวกกับคู่แข่งในตลาดโลกทำให้เราจะต้องเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยไม่กี่วันมานี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้ให้ความเห็นชอบในการอนุมัติงบประมาณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 316,000 ล้านบาท ซึ่งเนื้อในของงบประมาณนี้ได้มุ่งเน้นในเรื่องการหวังผลให้เกิดหมุนเวียนทางเศรษฐกิจแต่เป้าหมายสำคัญคือเราตั้งโจทย์ไว้ว่าทำอย่างไรให้เศรษฐกิจโตและสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากได้

 

โดยมี 7 มาตรการคือ 1.จะต้องเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ 2.มีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีการยังชีพได้ 3. ยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นเพื่อให้เม็ดเงินตกถึงมือเกษตรกรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก 4.ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างไรเพราะเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่มีบทบาทสำคัญที่จะขับเคลื่อนได้ 5.ขับเคลื่อนการส่งออกได้อย่างไร 6.เร่งรัดการท่องเที่ยวได้อย่างไร และ 7.คือการลงทุนภาคเอกชน ใน 7 เรื่องนี้จะทำให้เศรษฐกิจโตร้อยละ 3 ได้

แต่อย่างน้อยที่สุดมี 2 เรื่องที่เกี่ยวพันกับกระทรวงพาณิชย์ คือ 1.เรื่องการยกระดับหรือช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องพืชผลการเกษตร 2.เรื่องของการส่งออก เรื่องการยกระดับรายได้ของเกษตรกรนั้น กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในพืชผลการเกษตร 5 ตัว คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด นอกจาก 5 ตัวนี้แล้วก็ยังดูแลพืชผลอื่นด้วยมาตรฐานอื่นเช่นกัน

ด้านความคืบหน้าวันนี้ปาล์มน้ำมันเคาะแล้วผ่านกระบวนการต่าง ๆ เสร็จสิ้น จะประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่กิโลละ 4 บาท เนื้อน้ำมัน 18% ครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ใช้วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาทและจะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีวันที่ 27 ส.ค. 2562 ถ้าผ่านแล้วเกษตรกรจะรับเงินงวดแรกจะตกถึงมือต้นเดือนตุลาคม 2562 แต่ก็มีมาตรการอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น ต้องมีการดำเนินเรื่องเร่งรัดเกี่ยวกับการดูดซับผลผลิตออกจากตลาดเพราะทุกวันนี้ผลผลิต โดยมาตรการที่จะเข้า ครม.เราจะกำหนดภายในสิ้นปีนี้ให้ใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 10 เป็นทางหลักและบี 20 เป็นทางเลือกเพื่อให้ดีมานด์-ซัพพลายผลผลิตปาล์มเข้าสู่ดุลยภาพ มีความเสถียรขึ้นและจะช่วยให้ราคาผลปาล์มในตลาดของเกษตรกรดีสามารถยังชีพได้

 

 

และวันนี้แค่รัฐบาลประกาศว่าจะเอาเรื่องเข้ามาตรการเข้าครม.พร้อมมาตรการเสริมตอนนี้ปาล์มเพิ่มขึ้นไปเป็นราคา 3.20 บาทแล้ว โดยถ้าถึง 4 บาทเมื่อใดรัฐบาลก็ไม่ต้องชดเชยเงินส่วนต่างและไม่ต้องมีภาระในเรื่องของงบประมาณ เพราะราคาปาล์มในตลาดจะเดินได้ด้วยตัวของมันเอง และต่อจากนี้ไปก็จะมีมาตรการอื่นมาเสริม เช่นเร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์ม รวมทั้งป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มซึ่งขณะนี้มีการจัดทีมดำเนินการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว หากพบว่ามีการลักลอบนำเข้าเพิ่มปริมาณในประเทศทำให้ราคาตกเมื่อใดจับกุมดำเนินคดีทันทีรวมทั้งมาตรการอื่นๆด้วย

ส่วนเรื่องข้าว ในโครงการประกันรายได้ใช้งบประมาณสำหรับฤดูนาปี ปีนี้ 20,000 กว่าล้านบาท โดยจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่27 ส.ค. 2562 เช่นเดียวกันและถ้าคณะรัฐมนตรีอนุมัติอย่างน้อยหลักประกันในเรื่องของข้าวและปาล์มก็จะเดินหน้าเข้าสู่โหมดที่ปรากฏเป็นรูปธรรม

 

ถัดไปจะเป็นยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรเป็นเจ้าของเรื่องก็จะทำให้เกิดรูปธรรมซึ่งจะยึดมาตรฐานราคายางแผ่นดิบชั้น 3 เป็นหลัก ที่กิโลกรัมละ 60 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ โดยกระทรวงเกษตรฯจะเป็นผู้ดำเนินการแล้วแจ้งให้ทราบต่อไปก่อนนำเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการและสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรีต่อไป ส่วนทางด้านมันสำปะหลังและเรื่องของข้าวโพดก็จะตามมา เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ในมาตรการเร่งด่วน 12 ข้อต่อรัฐสภาของรัฐบาล

 “จุรินทร์”มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบเทอม เร่งศก.โต 3% ชงประกันข้าว-ปาล์มเข้าครม.วันนี้

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องของการส่งออกทิศทางของกระทรวงพาณิชย์ถัดจากนี้ไปชัดเจน เพราะตัวเลขการส่งออกเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นเริ่มปรากฏผลเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายปี นั่นก็คือตัวเลขส่งออกเดือนกรกฎาคม 2562 ขยายตัวร้อยละ 4.28 และเพื่อที่จะทำให้ตัวเลขเสถียรหรือยังคงเดินหน้าไปได้ถ้าบวกกับบวกให้มากที่สุดถ้าติดลบก็ขอให้ลบน้อยที่สุด โดยทิศทางที่ชัดเจนของกระทรวงพาณิชย์คือต่อไปนี้ในเรื่องของการเร่งรัดการส่งออกพระเอกจะไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์อีกต่อไป แต่พระเอกจะต้องเป็นภาคเอกชนที่จะเป็นทัพหน้าในการไปบุกและหารายได้เข้าประเทศ และภาครัฐจะไปแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคให้กับภาคเอกชนจะต้องดูแลอย่างรวดเร็วให้เต็มศักยภาพ และตรงนี้เองจึงเป็นที่มาของการจัดตั้งกรอ.พาณิชย์(คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านเศรษฐกิจ) อย่างเป็นทางการและเดินหน้าอย่างเต็มที่ และต่อไปนี้การฟันฝ่าอุปสรรคทางด้านการส่งออกจากสงครามการค้าโลกที่เกิดขึ้นนั้นเราจำเป็นจะต้องมีวอร์รูมเกิดขึ้นใน กรอ.พาณิชย์ ที่จะต้องจับมือกันให้แน่นระหว่างภาครัฐเอกชนและจะต้องมีคณะทำงานรายสินค้า มีคณะทำงานรายตลาดที่จะต้องทำงานร่วมกันเล็ก ๆแล้วให้มีประสิทธิผลเกิดขึ้นจริงเพื่อทำตัวเลขส่งออกและเราก็เดินหน้า 

 

และวันนี้เรื่องข้าว สำหรับการประชุมในวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ คือ นอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่จะเข้าคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้แล้ว ด้านการส่งออกคือ หนึ่งจากไปจะฟื้นตลาดเก่าที่เราเคยมีอยู่แล้วแต่เราสูญเสียไปเพราะมีเอกชนรายหนึ่งส่งออกข้าวไปยังประเทศนั้นแล้วทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงในการส่งข้าวไม่มีคุณภาพตามที่ต้องการจนสุดท้ายประเทศนั้นหยุดซื้อข้าวจากประเทศไทยมาหลายปีทำให้เราเสียตลาดสำคัญ ถัดจากนี้จะไม่ทิ้งเขา เราจะเดินหน้าตลาดประเทศอิรัก เพราะเขามีเงินและมีกำลังความต้องการ และได้ให้กระทรวงพาณิชย์ทำการบ้านไปล่วงหน้าแล้วเหลืออีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัย อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้นำคณะไปเยือนประเทศอิรักเพื่อทำการค้าข้าวกับประเทศนี้

 

ส่วนเรื่องประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญและยังมีตลาดข้าวค้างท่อที่ทำเอ็มโออยู่กับประเทศไทยไว้ 2,000,000 ตัน ตอนนี้ซื้อไป 1,700,000 ตันยังค้างท่ออยู่ 300,000 ตัน อันนี้คือสิ่งที่เราจะเร่งรัดเจรจากับจีนเพื่อให้ช่วยซื้อข้าวที่ค้างท่อตามเอ็มโอยูไว้นี้ให้เสร็จสิ้นไปแต่ขณะนี้จีนมีปัญหาเพราะขณะนี้ข้าวขาวเราราคาค่อนข้างสูง แต่ทำอย่างไรจะเปลี่ยนจากการที่จีนนำเข้าข้าวขาวเป็นประเภทอื่นเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องราคาข้าวข้าวที่สูงอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่จะต้องทำงานต่อไป

 

สำหรับตลาดข้าวประเทศอื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ เปลี่ยนวิธีการนำเข้าด้วยระบบเสรีไม่ใช่โควตาเช่นเดิม ดังนั้นต่อไปนี้ผู้ส่งออกข้าวไทยสามารถเจรจากับผู้นำเข้าข้าวได้โดยเสรีแต่ปัญหาคือวันนี้คือผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ไม่รู้จักกับผู้ส่งออกข้าวไทยเพราะเคยส่งโดยรัฐมานาน ดังนั้นอีกไม่นานจะมีการจัดเวทีให้ผู้นำเข้าข้าวจากฟิลิปปินส์ได้พบกับผู้ส่งออกข้าวจากประเทศไทยและจะดำเนินตัวเลขเกี่ยวกับการส่งออกเข้าไปประเทศฟิลิปปินส์ให้เป็นบวกมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนเรื่องมันสำปะหลังมีปัญหาเรื่องโรคใบด่างและผลผลิตลดลงขณะนี้มีการระบาดใน 9 จังหวัดสิ่งที่จะต้องเร่งทำคืนป้องกันไม่ให้มีการระบาดออกไปนอกเขต 9 จังหวัดนี้ก็ได้ดำเนินการเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันการย้ายท่อนพันธุ์เพื่อป้องกันการเอาท่อนพันธุ์ที่ติดโรคและอยู่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหาออกไป เราจะไม่ให้ระบาดออกไปเพราะถ้าระบาดไปทั่วประเทศการส่งออกมันสำปะหลังจะจบเลย เพราะเราจะไม่มีผลผลิตส่งออก

 “จุรินทร์”มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบเทอม เร่งศก.โต 3% ชงประกันข้าว-ปาล์มเข้าครม.วันนี้

 

ส่วนด้านการตลาดผู้ส่งออกมันสำปะหลังได้มีการหารือกันกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้เราจะไปเปิดตลาดจีนตอนใต้เพราะตลาดจีนตอนใต้หลายมณฑลยังมีความต้องการใช้มันจากประเทศไทยแต่เรายังไปไม่ถึง แต่ถัดจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้เข้าไปบุกเบิกเพราะถือเป็นตลาดสำคัญและนอกจากนั้นที่ตลาดอินเดียก็มีความต้องการใช้มันสำปะหลังเยอะมากเพื่อนำไปใช้ทำซอสปรุงรสโดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ใช้มันสำปะหลังปีหนึ่งจำนวนมากแต่เรายังเข้าไม่ถึง ซึ่งถัดจากนี้เราจะนำคณะไปอินเดียและจะพาไปเปิดตลาดมันสำปะหลัง เปิดตลาดข้าว และอีกหลายตลาดโดยได้มีการเตรียมการในวอร์รูมที่จะทำรายละเอียดในการพบประกันเพื่อจะได้มีตัวเลขส่งออก

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดประเทศตุรกี นิวซีแลนด์ ยังเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพที่เรายังจะต้องเปิดตลาดด้วย โดยเฉพาะมันสำปะหลังเพื่อที่จะนำไปเป็นอาหารสัตว์แต่เนื่องจากประเทศเหล่านั้นยังไม่ได้รู้วิธีใช้ก็จะมีการนัดหมายผู้นำเข้าผู้ส่งออกได้พบกันเพื่อแลกเปลี่ยนจะได้ทำสัญญาส่งออกนำเข้ากันจะเป็นการเพิ่มตัวเลขอย่างที่กล่าว ส่วนเรื่องยางพารานั้น วันนี้ได้มีการประชุมตอน 18.00 น. แน่นอนว่ามีความคืบหน้าในเรื่องยางพาราแน่นอน อย่างน้อยจะไปตลาดประเทศอินเดีย ที่กำลังจะเดินทางไปนี้ก็จะไปเปิดตลาดยางพาราที่ประเทศอินเดียอีกด้วย เพราะรถยนต์ที่ประเทศอินเดียยังขายดีเศรษฐกิจอินเดียโต คนต้องการใช้รถ ดังนั้นยางรถรถยนต์ที่จะนำเข้าจากประเทศไทยจึงมีโอกาสและรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่จะทำจากไม้ยางพาราก็ยังสามารถทำได้อยู่

 

นอกจากนั้นยังจะมีการดำเนินการเชิงรุกเรื่องเกี่ยวกับการค้าชายแดนและอีกส่วนหนึ่งคือผลักดันให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกได้เป็นผู้บริหารจัดการทางด้านการหาตลาดและสามารถช่วยการประสานงานได้ให้มีประสิทธิภาพด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีการขยายตลาดไม่ว่าจะเป็น 16 ประเทศในกลุ่มอาร์เซ็ป หรืออาเซียน+6 ซึ่งได้มีการไปประชุมเจรจาที่ปักกิ่งมาและมีข้อตกลงที่สามารถมีแนวโน้มข้อตกลงจะจบกันได้ในสิ้นปีนี้ด้วย

นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่ายังจะต้องเดินหน้าเจรจา FTA ทั้งไทย-ยุโรป ไทย-อังกฤษ และอีกหลายประเทศรวมทั้งไทย-ตุรกี ไทย-ปากีสถาน ไทย-ศรีลังกา ที่จะเดินหน้าในเรื่องเกี่ยวกับ FTA และยังมีมาตรการอื่นๆอีกหลายเรื่อง ซึ่งไว้มีโอกาสแล้วจะเล่าให้ฟังต่อไป