มนุษย์ที่เทวดารักษา

10 ส.ค. 2565 | 19:30 น.

คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย​ ราช รามัญ

หลายคนอยากรู้ว่าการกราบไหว้เทวดานั้นมีอยู่จริงหรือไม่บนโลกใบนี้ และหลายคนก็หวังพึ่งให้เทพเทวดาทั้งหลายมาคุ้มครอง หรืออำนวยอวยพรบันดาลดล ให้ตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่ปรารถนา

 

หลายคนวิ่งบนบานศาลกล่าวกราบไหว้เทวดาจนทั่วประเทศ หวังให้ดลจิตดลใจในสิ่งที่ตนพึงมุ่งหวังสำเร็จ แต่บางครั้งก็ไม่สำเร็จ แล้วก็กล่าวโทษว่าเทวดาไม่มีจริง

 

จนเกิดประเด็นถามขึ้นมาว่า เทพเทวดาที่เราเชื่อ เราศรัทธาแท้จริงมีอยู่หรือไม่ คำถามแบบนี้ก็ยากที่จะหาผู้ใดมาตอบให้ได้ นอกจากยกตัวอย่างของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นเรื่องเล่ามานำเสนอให้เป็นตรรกะแนวคิดย่อมพอได้

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ในสายกรรมฐาน ทุกครั้งที่นั่งภาวนาในตอนกลางคืน จะมีเทพเทวดานิมิตมาหาท่าน และขอฟังธรรม ขอฟังคำสวดมนต์ของท่านเป็นประจำ

 

คราวหนึ่งหลวงปู่มั่นได้ถามว่า เทพเทวดาไม่ชอบมนุษย์ไม่ใช่หรอ เพราะว่ามนุษย์มีกลิ่นเหม็น เมื่อเทพเทวดามาอยู่ใกล้ ย่อมจะเวียนศีรษะและทนไม่ได้ ทำไมจึงลงมาฟังคำสวดของอาตมา​

 

เทพเทวดาได้กล่าวว่า เหตุที่ทนได้เพราะว่า ท่านหอมมีกลิ่นตัวหอม แต่คำว่าหอมนี้เกิดจากศีลและธรรม ผู้ที่หอมด้วยศีลและธรรมเทพเทวดาอยากอยู่ใกล้และอภิบาล

เรื่องนี้ทำให้เราได้รู้คำตอบว่า แท้จริงเทพเทวดาก็อยากจะอธิบายมนุษย์ ช่วยเหลือมนุษย์ แต่มนุษย์ผู้นั้นจะต้องมีกลิ่นหอม หอมด้วยศีล หอมด้วยธรรม ดังนั้นใครก็ตามที่มีศีล มีธรรม ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีเทพเทวดาคุ้มครองอยู่ในตัว

 

อย่างนั้นแม้ว่าเราไม่ได้ไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนอย่างไร แต่ถ้าเรามีศีล มีธรรมแล้วในใจ เราระลึกอธิษฐานสิ่งใดก็ย่อมจะสมปรารถนา

 

อย่างนั้นท่านใดปรารถนาที่จะให้เทพเทวดาคุ้มครอง อภิบาลรักษา ขอจงเป็นผู้ที่มีศีล 5 อันบริสุทธิ์ งดงามและมีคุณธรรม เทพเทวดาทั้งหลายจะคุ้มครองคุณเอง

 

ซึ่งเรื่องนี้ในครั้งพุทธกาล อนาถบิณฑิกเศรษฐี​ ก็เป็นที่เกรงใจของเทพเทวดาทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นตัวอย่างให้เราได้อ่านจากพระไตรปิฎก​ เพราะท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้มีศีล มีธรรมอันมั่นคง เป็นโสดาบันแล้ว แต่ก็เชื่อว่าแม้เราเป็นผู้มีศีล มีธรรม อย่างมั่นคงแม้จะไม่ได้เป็นโสดาบัน เทพเทวดาทั้งหลายก็ย่อมปรารถนาที่จะอยู่ใกล้คอยอภิบาลเราเช่นกัน