ปัญหาที่ตามมาหลังนอนไม่หลับ

09 ก.ย. 2565 | 21:30 น.

คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

     อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เขียนเรื่องคนแก่มักจะนอนไม่หลับ ปรากฎว่ามีเพื่อนๆพี่ๆให้ความสนใจเยอะมาก มีทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ ได้ส่งไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็น และให้คำเสนอแนะมามากมาย ต้องขอบพระคุณทุกข้อความที่ส่งมาให้นะครับ ส่วนคำชี้แนะที่มีทั้งพี่ที่เป็นอดีตพยาบาลเก่า และเพื่อนร่วมชั้นเรียน ก็ต้องบอกว่าไม่ต้องเกรงใจผมนะครับ บอกได้สอนได้ ผมไม่ดื้อหรอก ผมเป็นน้ำไม่เต็มแก้วเสมอ ใครให้คำแนะนำหรือสอนสั่ง ผมยินดีรับฟังเสมอ ดีเสียด้วยซ้ำที่มีการสื่อสารต่อกันสองทาง (Two way communication) ทำให้มีความสุขสำหรับคนแก่อย่างผมเป็นอย่างยิ่งครับ

 

     มีเพื่อนท่านหนึ่ง ที่เรียนร่วมชั้นกับผมสมัยอยู่ที่มัธยมปลายที่ไต้หวัน เขาบอกว่าอยากเล่าประสบการณ์ตรงที่เกิดกับคุณแม่ของเขา เขาเล่าว่า คุณแม่อายุมากแล้ว กลางวันมักจะง่วงหาวนอนเสมอ จึงชอบงีบหลับกลางวัน พอตกเวลากลางคืน ก็นอนไม่หลับ จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ แพทย์ก็จ่ายยานอนหลับมาให้ จึงทานยานอนหลับเสมอมา ทำให้ทานยาเป็นนิจสิน จนกระทั้งมีอาการขาดยาไม่ได้ ทำให้เกิดอาการร่างกายไม่รับฟังคำสั่งของประสาท  มีอยู่วันหนึ่งตื่นเช้าขึ้นมาเข้าห้องน้ำ หกล้มในห้องน้ำ หัวกระทบข้างขอบอ่างล้างหน้า ทำให้กลายเป็นโรคสมองเสื่อมมาจนถึงปัจจุบันนี้ เขาจึงไลน์มาบอกผมว่า พอแก่ตัวลงหากเกิดอาการนอนไม่หลับ อย่าพยายามทานยานอนหลับ ควรหาวิธีอื่นที่ดีกว่ายานอนหลับ เช่นการรักษาสภาพร่างกายให้สามารถออกกำลังกายได้ ใช้วิธีออกกำลังกายให้ร่างกายอ่อนเพลีย จะได้นอนหลับได้สนิทจะดีที่สุดครับ

     ยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งบอกว่า นอนไม่หลับทำให้เกิดอาการหลงๆลืมๆเสมอ แม้จะรู้ตัวเองตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถทบทวนสิ่งต่างๆได้เหมือนอดีต ตัวอย่างเช่น หมายเลขโทรศัพท์ ในอดีตหมายเลข 7 หลัก แค่เคยหมุนโทรศัพท์ครั้งเดียว ก็จะจำหมายเลขได้ แต่ปัจุบันนี้พออายุมากขึ้น ถ้าวันไหนนอนไม่หลับมาก่อน ก็จะจำไม่ได้ ต้องอาศัยโทรศัพพ์มือถือที่มีการบันทึกหมายเลขเสมอ ผมจึงบอกเพื่อนไปว่า ไม่แปลกหรอก อย่าเพิ่งวิตกกังวลจนเกินไป เพราะว่าทุกคนก็จะเป็นเหมือนกันหมดแหละ ไม่มีใครใช้ความจำกับหมายเลขโทรศัพพ์แล้ว ถ้าขืนยังใช้วิธีการจดจำเหมือนเก่า ก็จะกลายเป็นคนตกยุคไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือไม่ ไม่ว่าจะนอนหลับนอนไม่หลับ ก็เหมือนกันหมดแล้วครับ

 

     อาการนอนไม่หลับของคนเรานั้น สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดคือการเดินทางเข้าสู่โลกของการเป็นโรคซึมเศร้า เพราะโรคซึมเศร้านี้ มักจะมาจากสาเหตุการนอนไม่หลับมาก่อนเสมอ ดังนั้นหากอาการเริ่มหนักมากขึ้น ควรจะต้องรีบแก้ไขก่อนโรคซึมเศร้าจะถามหานะครับ เพราะนั่นหมายความว่าท่านไม่สามารถปฎิเสธการพบจิตแพทย์ได้เลย เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว ทุกโรคก็จะเริ่มรุมเร้าเข้าสู่ตัวเราเสมอครับ แน่นอนว่าหากเป็นโรคซึมเศร้า ต้องพบจิตแพทย์ สุดท้ายเมื่อโรคต่างๆตามมา ก็ต้องพบแพทย์ทั่วไป ซึ่งแพทย์อาจจะจำเป็นที่จะต้องจ่ายยาให้เรารับประทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

     ผมได้ไปอ่านพบบทความชิ้นหนึ่งที่เป็นภาษาจีน หนังสือเล่มนี้แปลมาจากหนังสือภาษาญี่ปุ่น ชื่อว่า “การรักษาด้วยจิตบำบัดตามทฤษฎีโมริตะ” เขียนโดย Takehisa Kora แปลโดย คาง เฉิน จุ้น ที่กล่าวถึง “ทฤษฎีโมริตะบำบัด” (Morita Therapy Theory) เขาพูดถึงการบำบัดรักษาอาการนอนไม่หลับและทำให้เกิดโรคซึมเศร้า โดยเขาใช้วิธีการบำบัดของโมริตะบำบัด หัวใจสำคัญของการรักษานี้ เขาต้องให้ผู้ป่วยยอมรับว่า ทุกโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย ล้วนเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ทำให้เกิด ดังนั้นเราต้องยอมรับธรรมชาติของการเจ็บป่วยให้ได้ และต้องอยู่กับมันให้ได้นั่นเองครับ ทำให้ผมเองหวนคิดถึง “พุทธพจน์”ที่กล่าวถึงการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นธรรมชาติ ที่คนเราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเมื่ออาการเจ็บป่วย เราต้องยอมรับว่าเราป่วยจริง และต้องเขาโรงพยาบาลรักษาตัวให้ได้ อย่าได้เกิดอาการกังวลใจ จนทำให้เกิดการนอนไม่หลับนั่นเอง พูดไปก็คล้ายๆปัญหาโลกแตก ที่ไม่รู้ว่าไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่นั่นแหละครับ เราเองก็ไม่รู้ว่าการนอนไม่หลับเป็นบ่อเกิดของโรค หรือโรคร้ายเกิดก่อนจึงทำให้นอนไม่หลับ ดังนั้นเราคงต้องพยายามทำให้รำลึกเสมอว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นธรรมชาติ ปล่อยวาง แล้วนอนให้หลับนั่นเอง (พูดง่ายแต่ทำยากจังวุ้ย...)

 

     โดยส่วนตัวผมเอง ไม่ค่อยจะมีปัญหานอนไม่หลับอย่างที่เคยเล่าไปเมื่อตอนที่ผ่านมา แต่ก็มีนานๆครั้งที่หากปัญหารุมเร้าเข้ามา เช่นปัญหาทางด้านธุรกิจ ฯลฯ ก็จะเกิดอาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นบ้าง ทุกครั้งที่ผมนอนไม่หลับ มักจะเกิดขึ้นหลังจากหลับไปแล้วสักสาม-สี่ชั่วโมง สะดุ้งตื่นตอนตีสาม-ตีสี่เป็นต้น ผมก็จะย่องออกจากห้องนอนลงมานั่งในห้องนั่งเล่น แล้วก็จะหาหนังสือหรือเป็นคอมพิวเตอร์ หาบทความมานั่งอ่านเพลินๆไป พอสักตีสี่-ตีห้า ก็เข้าไปนอนใหม่อีกครั้ง ความสดชื่นหลังตื่นนอนก็จะกลับมาฟื้นตัวได้ใหม่อีกครั้งครับ การใช้วิธีนี้จะทำให้คลายกังวลและไม่มีอาการอดนอน ใครอยากนำไปใช้ก็ได้นะครับ ไม่มีลิขสิทธิ์ครับ

 

     หากผู้สูงอายุอย่างพวกเรา(แฮ่......เหมารวมอีกแล้ว) เริ่มจะมีอาการนอนไม่หลับเข้ามาสู่ตัว ขอให้ตระหนักเสมอว่า ไม่ดีนะ...มันจะทำให้เราอ่อนแอจนเกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาสู่ตัวเรานะ อีกทั้งต้องใช้หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นธรรมชาติ การเจ็บป่วยก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน หรือนำเอาทฤษฎีของโมริตะบำบัดมาใช้ ก็อาจจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน ทดลองดูนะครับ